อุปกรณ์ป้องกันเท้า

1. รองเท้าเซฟตี้ : เป็นรองเท้าที่เหมาะสำหรับช่างเทคนิค คนงานก่อสร้าง ช่างซ่อม พนักงานโรงงานอุตสาหกรรม ช่างเหล็ก เป็นต้น ที่ทำงานในพื้นที่อันตรายเสี่ยงต่อการของหนักตกหล่นใส่หรือในพื้นที่ที่มีพลังงานไฟฟ้าสถิต ซึ่งส่วนประกอบรองเท้า แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 
   • บอดี้ของรองเท้า : มักทำจากหนังแท้ ที่มีความแข็งแรง ทนทานสูง ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี แต่ด้วยความที่รองเท้าหนังแท้อาจมีต้นทุนสูง ผู้ผลิตบางแบรนด์จึงหันมานิยมใช้หนังเทียมกันมากขึ้น เช่น หนัง PU ไมโครไฟเบอร์ และ PVC ที่มีน้ำหนักเบากว่าหนังแท้ ช่วยให้สบายเท้า แต่อาจเหมาะสำหรับการสวมใส่ในขณะปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีบางชนิด หรืองานที่ไม่มีอุปกรณ์อันตรายมาก 
   • หัวรองเท้า : ส่วนใหญ่มักเสริมเหล็กหรือคอมสิตในการกันกระแทกที่ค่อนข้างมีน้ำหนักพอสมควร แต่จะช่วยปกป้องนิ้วเท้าของคุณจากการเกิดอุบัติของตกหล่น ลดการบาดเจ็บได้อีกขั้น
   • พื้นรองเท้า : เป็นอีกส่วนสำคัญของรองเท้าไม่แพ้กับหัวหรือบอดี้รองเท้า โดยวัสดุที่นิยมนำมาทำเป็นพื้นรองเท้านั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลัก นั่นก็คือ 1.โพลียูรีเทน (Polyurethane) ที่มีคุณสมบัติกันลื่น ทนความร้อนได้ถึง 160 °c  และ 2. ยางไนไตรล์ หรือ NBR ที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรง ความทนทาน กันลื่น ทนสารเคมี และทนความร้อนได้ถึง 300°c แต่อาจมีน้ำหนักค่อนข้างมากกว่าโพลียูรีเทน 
2. รองเท้าบูทยาง : ผลิตจากยางโพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน ไม่ขาดง่าย เป็นรองเท้าที่ช่วยป้องกันเท้าของเราจากสิ่งสกปรก สิ่งของบาดขา และสัตว์มีพิษในพื้นที่เปียกน้ำ รวมถึงดิน โคลน เหมาะสำหรับเกษตรกร ชาวประมง หรือสถานการณ์น้ำท่วม ไม่เหมาะสำหรับการนำไปใช้กับการปฏิบัติงานที่มีของมีคมหรือของหนักโดยตรง  
3. รองเท้าบูทยางหัวเหล็ก : ผลิตจากยางโพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) เช่นเดียวกันกับรองเท้าบูทธรรมดาแต่จะเสริมเหล็กบริเวณหัวของรองเท้า เพื่อช่วยปกป้องเท้าของเราที่อาจได้รับแรงกระแทกขณะปฏิบัติงาน รวมถึงช่วยต้านไฟฟ้าสถิต เหมาะสำหรับงานเกี่ยวข้องกับสารเคมี น้ำมัน กรด ด่าง และงานก่อสร้าง 
4. ถุงเท้าเซฟตี้ : เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สวมใส่ป้องกันเท้าของเราและมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ารองเท้าเซฟตี้ ที่ควรใส่ก่อนสวมรองเท้าเซฟตี้ เพราะจะช่วยระบายอากาศให้ถ่ายเทได้ดี ดูดซับแรงกระแทก ลดอาการเมื่อนล้าขณะเดินหรือยืนทำงาน 

ข้อควรคำนึงในการเลือกซื้ออุปกรณ์ป้องกันเท้า 

• เลือกซื้ออุปกรณ์ป้องกันเท้าที่เหมาะสมตามการใช้งาน : ถึงรองเท้าข้างต้นจะช่วยป้องกันเท้าของคุณได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะใส่รองเท้าพียงประเภทเดียวไปปฏิบัติงานได้ทั้งหมด ยกตัวอย่าง หากคุณปฏิบัติงานเกี่ยวกับช่าง รองเท้าที่คุณควรเลือกใส่ควรเป็นรองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก แต่หากเป็นคุณปฏิบัติงานในพื้นที่เปียกชื้นหรือต้องเดินเหยียบปูนในงานก่อสร้างก็ควรเลือกเป็นรองเท้าบูทยางหัวเหล็กหรือรองเท้าบูทยางปกติมากกว่า
• เลือกขนาดรองเท้าให้พอดีกับเท้า : ไม่ควรเลือกไซส์ที่คับหรือหลวมจนเกินไปเพราะอาจทำให้ปฏิบัติงานลำบากและเสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
• การรับรองมาตรฐาน : ควรเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้ ที่มีการรับรองมาตรฐาน มอก. เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการช่วยป้องกันเท้าของเรา หากซื้อรองเท้าที่ไม่ได้มาตรฐานรับรองก็อาจบ่งบอกถึงคุณภาพของวัสดุที่ไม่สามารถช่วยป้องกันเท้าของเราจากอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ 

การดูแลรักษาอุปกรณ์ป้องกันเท้า 

1. ไม่ควรเหยียบส้นรองเท้าเพราะอาจทำให้รองเท้าพังได้ไว
2. สำหรับรองเท้าเซฟตี้ไม่ควรลงปในพื้นที่ที่เปียกน้ำเป็นเวลานาน และไม่ควรนำไปแช่น้ำเหมือนกับรองเท้าผ้าใบทั่วไป ซึ่งควรทำความสะอาดด้วยการนำผ้าชุบน้ำเช็ดคราบสกปรกและนำไปผึ่งลมให้แห้ง และทาผลิตภัณฑ์รักษาหนังของรองเท้า
3. หลังจากใช้งานหรือหลังทำความสะอาดเสร็จสิ้นควรนำไปเก็บในพื้นที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ควรนำไปตากแดด หรือเก็บไว้ในที่ร้อนอบอ้าว 

ช้อปปิ้งสินค้า อุปกรณ์ป้องกันเท้า ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับไทวัสดุ