รู้ไว้ใช่ว่า! ตัวเลขบนยางรถยนต์บอกอะไรเราบ้าง
การเลือกยางรถยนต์มาใช้งานกับรถของเรา ใช่ว่ามีความหนาถูกใจ หรือดูแข็งแรงถึกทนแค่ภายนอกแล้วจะซื้อมาใช้งานได้เลย แต่รู้ไหมว่า “ตัวเลขบอกค่าต่าง ๆ บนยางรถยนต์” ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องดูให้เป็น เพื่อที่จะได้รู้จักยางรถยนต์มากยิ่งขึ้น และสามารถเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสมกับรถคันโปรด ว่าแต่ตัวเลขและตัวอักษรบนตัวยางรถยนต์บอกอะไรเราบ้าง AUTO1 ขอชวนทุกคนมาอ่านค่าต่าง ๆ ผ่านตัวเลขและตัวอักษรบนยางรถยนต์ เพื่อให้คุณมียางรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องปลอดภัย และสบายใจในทุกการขับขี่!
รหัสตัวเลขสำคัญบนยางรถยนต์มีอะไรบ้าง
ชุดตัวเลขและตัวอักษรที่อยู่บริเวณ “แก้มยางรถยนต์” จะบ่งบอกถึงคุณสมบัติของยางรถยนต์ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดในส่วนต่าง ๆ ขีดจำกัด ความเร็วสูงสุด รวมถึงดัชนีในการรับน้ำหนักของยาง แม้จะเป็นข้อมูลทั่วไป แต่การรู้จักและเข้าใจค่าต่าง ๆ ไว้ ก็จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้ยางรถยนต์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งชุดรหัสดังกล่าวบนยางรถยนต์มี ความหมายดังนี้
- ความกว้างของหน้ายาง เป็นการวัดความกว้างสูงสุดระหว่างแก้มซ้าย-แก้มขวา มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ซึ่งหน้ายางคือส่วนที่สัมผัสกับพื้นผิวถนน โดยในชุดตัวเลขนั้น ความกว้างของหน้ายางจะเป็นตัวเลขด้านหน้าสุด เช่น ยางขนาด P185/75R14 82S หมายถึง ความกว้างของหน้ายางเส้นนี้คือ 185 มิลลิเมตร
- ความสูงของแก้มยาง หรือที่มักเรียกกันว่า “ซีรีส์” คืออัตราส่วนระหว่างความกว้างของหน้ายาง กับความสูงของแก้มยาง ซึ่งจะมีหน่วยเป็น % โดยในชุดตัวเลขนั้น ความสูงของแก้มยางจะเป็นตัวเลขที่อยู่ด้านหลังเครื่องหมาย / (เครื่องหมายทับ)
- ยกตัวอย่าง : ยางขนาด P185/75R14 82S ความสูงของแก้มยางก็คือซีรีส์ 75 หมายความว่า ความสูงของแก้มยางเท่ากับ 75% ของความกว้างยางนั่นเอง
- ถ้าอยากรู้ความสูงจริง ๆ ของแก้มยาง สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร : ความกว้างหน้ายาง x (ซีรีส์ของแก้มยาง ÷ 100)
- ชนิดของยาง หรือ โครงสร้างของยาง จะบ่งบอกถึงประเภทของโครงสร้างภายในที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของยาง ส่วนใหญ่ใช้สัญลักษณ์ R (Radial Tire) หมายถึงยางเส้นนั้นเป็น “ยางเรเดียล” ซึ่งโครงสร้างของยางชนิดนี้ประกอบด้วยชั้นผ้าใบ และแถบเส้นใยเหล็กเสริมหน้ายางอีกชั้น ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงกว่ายางธรรมดา
- นอกจากยางเรเดียล ใครที่เห็นสัญลักษณ์ D หรือ Diagonal or Bias Ply แปลว่ายางนั้นคือยางผ้าใบ หรือยางไบแอส ซึ่งเป็นยางที่นำผ้าใบมาเรียงซ้อนกันแบบเฉียงไปมาหลายชิ้น
- ปัจจุบันยางรถยนต์ได้หันมาใช้ยางเรเดียลแทบทั้งหมดแล้ว เราจึงเห็นสัญลักษณ์ R บนยางรถยนต์แทบทั้งสิ้น
- เส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว เช่น ยางขนาด P225/55R15 91S หมายถึง ยางรถยนต์เส้นนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 15 นิ้ว สามารถนำไปใส่กับล้อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 นิ้ว หรือภาษาพูดที่มักเรียกกันว่า “ล้อขอบ 15 นิ้ว” นั่นเอง ซึ่งเราขอมอบเกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกซื้อล้อแม็กให้เหมาะกับยางและรถยนต์ ดังนี้
- ดีไซน์ล้อแม็ก : ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล แต่แต่ละดีไซน์ก้มีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันไป เช่น ล้อแม็กลายจาน จะสามารถแบกรับน้ำหนักมากมีความทนทานสูง เหมาะกับรถกระบะหรือรถอเนกประสงค์ ล้อแม็กลายก้านถี่หรือก้านเล็ก เหมาะกับรถที่วิ่งทางเรียบเป็นหลัก เป็นต้น
- ขนาดล้อแม็ก : ต้องเลือกขนาดล้อและยางให้สัมพันธ์กัน พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าจะใส่แม็กใหญ่ขึ้น ก็ต้องเเปลี่ยนยางที่มีแก้มยาง (ซีรีส์ยาง) ให้บางลง เพื่อให้ความสูงของตัวรถใกล้เคียงของเดิมนั่นเอง
- ยางรถยนต์ : มีล้อแล้วก็ต้องมียาง! ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนล้อใหญ่เท่าไรก็ตาม แต่เมื่อใส่ยางแล้ว แนะนำว่าต้องมีเส้นรอบวงภายนอกของยาง ที่ใกล้เคียงยางมาตรฐานที่ติดมาจากโรงงานให้มากที่สุด เพราะถ้ายางเส้นรอบวงกว้างขึ้น จะทำให้รถอืดและไมล์แข็งกว่าค่าปกติ แต่ถ้าเส้นรอบวงน้อยลง จะส่งผลให้ล้อหมุนแต่ละรอบได้ระยะทางสั้นลงนั่นเอง
- ดัชนีการรับน้ำหนัก (Load Index) ตัวเลขนี้ไม่ได้บอกว่ารองรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ แต่จะบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีรับน้ำหนัก กับความสามารถในการรับน้ำหนักของยางแต่ละเส้น โดยช่วงตัวเลขดัชนีดังกล่าวนั้นกว้างมาก ๆ เริ่มต้นที่ 60 ไปจนถึงหลักร้อยเลย
- ยกตัวอย่าง ตัวเลขดัชนี 91 หมายความว่า ยางเส้นนี้จะรับน้ำหนักได้ 615 กิโลกรัม
- โดยรถ 1 คันมียาง 4 เส้น ดังนั้นเมื่อเราติดตั้งยางครบ 4 เส้น ก็จะสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 2,460 กิโลกรัมนั่นเอง
- หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าค่าตัวเลขดัชนีของยางแต่ละเส้น มันจะรับน้ำหนักได้กี่กิโลกรัม บอกเลยว่าไม่ต้องไปนั่งคำนวณให้ปวดหัว ให้คุณเสิร์ชดู “ตารางเทียบค่าดัชนีการรับน้ำหนัก” จากอินเทอร์เน็ตได้เลย!
- ทั้งนี้เราไม่จำเป็นยึดติดกับดัชนีการรับน้ำหนักสูงสุดของยางเส้นนั้นมากเกินไป ควรเผื่อน้ำหนักลงมาหน่อย เพราะว่าดัชนีการรับน้ำหนักในตารางดังกล่าวจะเทียบกับยางที่เติมลมยางสูงสุด ไม่ใช่เทียบกับลมยางที่กำหนดโดยบริษัทผลิตรถยนต์
- ค่าความเร็วสูงสุด (Speed Rating) ผู้ผลิตจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทนค่าความสามารถในการใช้ความเร็วสูงสุดที่ยางเส้นนี้มีขีดความสามารถ ยกตัวอย่างตัวอักษร S หมายความว่า ยางเส้นนี้รองรับความเร็วสูงสุดที่ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือ W หมายความว่า ยางเส้นนี้รองรับความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- โดยค่าที่มีความเร็วสูงจะมีความสามารถยึดเกาะถนนได้ดีกว่า
- เมื่อเราจะเปลี่ยนยางรถยนต์ แนะนำให้เลือกค่าตัวเลขเท่าเดิม เพื่อรักษาความสามารถในการทำความเร็วของรถยนต์
- หากยางรถยนต์ของคุณมีมีค่าดัชนีรถยนต์ไม่เท่ากัน แนะนำให้ยึดค่าต่ำที่สุดเพื่อความปลอดภัย
- เลข DOT หรือ วันเดือนปีที่ผลิตยาง จะมีตัวเลข 4 ตัว แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดย 2 ตัวแรกหมายถึงสัปดาห์ที่ผลิต และกลุ่ม 2 ตัวหลัง หมายถึงปีที่ผลิต ยกตัวอย่างชุดตัวเลข “0122” หมายความว่ายางเส้นนี้ถูกผลิตในสัปดาห์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 2022 นั่นเอง
สำหรับการเลือกซื้อยางรถยนต์ หลายคนอาจจะคิดว่าต้องซื้อยางที่เพิ่งผลิตเท่านั้น เพราะยางใหม่จะต้องดีกว่ายางเก่าแน่ ๆ ซึ่งที่จริงแล้วไม่ว่าคุณจะซื้อยางเก่าหรือใหม่ คุณก็จะได้ระยะเวลาการรับประกันเท่ากันอยู่ดี แล้วยางที่ผลิตมานานแล้ว จะสภาพจะไม่ดีเท่ายางรถยนต์ที่เพิ่งผลิตใหม่หรือเปล่านะ ก็ต้องบอกเลยว่า แม้อายุยางจะเพิ่มไปตามกาลเวลา แต่ถ้าดูแล้วมีอายุนับจากวันผลิต 1 ปี ก็ถือว่ายังใหม่อยู่มาก ดังนั้นแล้วเราไม่จำเป็นต้องซีเรียสว่าจะต้องเลือกแต่ยางใหม่เท่านั้น ตราบใดที่ร้านค้านั้นมีการจัดเก็บยางเป็นอย่างดี ไม่มีรอยแตก รอยกรีดใด ๆ บนผิวยาง
ช้อปปิ้งสินค้า ยางรถยนต์ ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับ AUTO1
AUTO1 ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่ทันสมัย บริการครบวงจร ที่เดียวจบ ครบตั้งแต่ช่วงล่างจนถึงห้องเครื่อง ให้คำปรึกษาและดูแลโดยทีมช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง ให้บริการด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน เพื่อบริการที่รวดเร็วและแม่นยำสูงสุด รวบรวมสินค้าอะไหล่รถยนต์จากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก