ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี
logo_mobile
search
เลือกสาขา
หน้าแรก
บทความ
รับมือทุกปัญหาจากฝนตกหนัก เพียงติดตั้ง "รางน้ำฝน-โซ่ระบายน้ำฝน"

รับมือทุกปัญหาจากฝนตกหนัก เพียงติดตั้ง "รางน้ำฝน-โซ่ระบายน้ำฝน"


   สมัยก่อนเราใช้ “รางน้ำฝน” ในการลำเลียงน้ำฝนเพื่อกักเก็บไว้ในโอ่งสำหรับใช้อุปโภคบริโภค (เดี๋ยวนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่) ซึ่งหน้าที่และประโยชน์ของรางน้ำฝนไม่ได้มีแค่นั้น เพราะในปัจจุบันรางน้ำฝน ถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากฝนตกหนักได้เป็นอย่างดี ลองคิดภาพตามดู เมื่อเม็ดฝนกระหน่ำลงมาในบริเวณบ้านของเรา ถ้าไม่มีรางน้ำฝนคอยรองรับ และลำเลียงน้ำฝนให้ไหลลงไปในจุดที่ต้องการ น้ำฝนนั้นก็จะไหลกระจัดกระจายจนสร้างความปวดหัวให้กับเรา หนำซ้ำหากน้ำฝนกระเด็นหรือสาดข้ามไปยังเขตบ้านข้าง ๆ ก็อาจจะสร้างปัญหาให้เราผิดใจกับเพื่อนบ้านก็ได้ เห็นแบบนี้แล้วรางน้ำฝนถือเป็นอุปกรณ์เสริมสำคัญที่ควรติดตั้งไว้ใช่ไหมล่ะ ว่าแต่ประโยชน์ของมันจะมีอะไรอีกบ้าง แล้วถ้าติดตั้งร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง โซ่ระบายน้ำฝน จะช่วยป้องกันปัญหาจากฝนตกหนักได้ดีขึ้นจริงไหม เรามาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน!

เหตุผลดี ๆ ที่ควรติดตั้งรางน้ำฝน


  • รางน้ำฝนช่วยลำเลียงน้ำฝนให้ไหลลงในจุดที่ต้องการ ทั้งเพื่อการระบายน้ำที่ดี และสามารถกักเก็บน้ำฝนเอาไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น 
  • รางน้ำฝนช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนขังบนหลังคาบ้าน ลดการผุกร่อนก่อนเวลาอันสมควร 
  • รางน้ำฝนช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนกระเซ็นสู่บริเวณบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ลดการเกิดปัญหาหรือความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้าน 
  • เมื่อน้ำฝนถูกลำเลียงไปยังจุดที่ต้องการ ไม่กระจัดกระจายจนสร้างความรำคาญ ก็จะช่วยไม่ให้น้ำฝนไหลลงไปขังในพื้นดิน ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาดินทรุด 
  • เมื่อเกิดฝนตกหนัก รางน้ำฝนจะช่วยลดแรงกระแทกของน้ำฝน ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่สนามหญ้า บ่อปลา ต้นไม้ หรือสวนภายในบริเวณบ้าน 
  • เมื่อฝนตก เป็นธรรมดาที่สิ่งสกปรกบนหลังคาจะไหลลงมาเกาะตามประตู หน้าต่าง และผนังบ้าน หากเราติดตั้งรางน้ำฝน ก็จะช่วยป้องกันสิ่งสกปรกเหล่านี้ไม่ให้กระเซ็นลงมา ซึ่งเป็นสาเหตุของคราบสกปรก เชื้อรา และปัญหาสีบ้านเสื่อมสภาพนั่นเอง 
  • เมื่อปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากฝนตกหนัก ถูกจัดการด้วยการติดตั้งรางน้ำฝนแล้ว ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และซ่อมแซมบ้านไปในตัว 


รางน้ำฝนเลือกแบบไหนดี

   รางน้ำฝนมีหลายประเภท แต่ละวัสดุมีจุดเด่นและข้อจำกัดแตกต่างกันไป อย่างรางน้ำฝนสังกะสี มีข้อดีคือติดตั้งง่าย ราคาถูก แต่ข้อด้อยคือเป็นสนิมและผุกร่อนง่าย รวมถึงมีเสียงดังเมื่อฝนกระทบกับรางน้ำ รางน้ำฝนสเตนเลส มีความคงทนกว่ารางน้ำฝนสังกะสี เกิดสนิมได้ยาก อายุการใช้งานยาวนาน 10 ปีขึ้นไป ส่วนข้อด้อยคือมีราคาสูง และบริเวณรอยเชื่อมระหว่างรางน้ำอาจเกิดการรั่วซึมได้หากช่างติดตั้งไม่เนี้ยบพอ รางน้ำฝนอะลูมิเนียม มีน้ำหนักเบา ไม่เกิดสนิมง่าย ทนต่อการกัดกร่อนได้สูง อายุการใช้งานนานถึง 25 ปีเลยทีเดียว แถมยังมาพร้อมดีไซน์ที่ไร้รอยเชื่อมระหว่างรางน้ำ และมีสีให้เลือกหลายแบบ

   รางน้ำฝนไวนิล ผลิตจากพลาสติก หรือ uPVC มีความสวยงามเข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ เด่นในเรื่องความทนทานทุกสภาพอากาศ ไม่เป็นสนิมตลอดอายุการใช้งาน มีอายุงานที่ใช้ได้เฉลี่ยประมาณ 10 ปีขึ้นไป และเวลาฝนตกกระทบจะไม่ก่อให้เกิดเสียงดัง แต่ต้องติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ สุดท้ายคือรางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส ไม่มีปัญหาเรื่องสนิมและการผุกร่อน อายุงานที่ใช้ได้เฉลี่ยประมาณ 20 ปีขึ้นไป มีสีสันให้เลือกหลายแบบ ช่วยตกแต่งบ้านสวยงาม แต่การติดตั้งต้องใช้เทคนิคการเชื่อมรางน้ำฝนด้วยน้ำยาไฟเบอร์ ซึ่งต้องพึ่งช่างติดตั้งที่เชี่ยวชาญ เพื่อไม่ให้เกิดการรั่วซึมตามมา

รู้จักโซ่ระบายน้ำฝน ไอเทมเด็ดช่วยป้องกันน้ำฝนกระจาย


   นอกจากรางน้ำฝนที่เป็นส่วนสำคัญของบ้าน ก็ยังมี “โซ่ระบายน้ำฝน” ที่เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ซึ่งช่วยระบายน้ำฝนจากหลังคา และป้องกันการกระจายของน้ำฝน ไม่ให้กระเด็นไปบริเวณอื่นได้เป็นอย่างดี โดยโซ่ระบายน้ำฝน หรือโซ่รองน้ำฝนจะมีดีไซน์ให้เราเลือกหลากหลายแบบ ส่วนใหญ่ในชุดของโซ่ระบายน้ำฝนที่วางขายตามท้องตลาด จะมีความยาวอยู่ที่ 3 เมตร และประกอบไปด้วย ตัวโซ่ จำนวน 28 ดอก ตะขอเกี่ยวตัวโซ่ 28 ชิ้น ข้อต่อโซ่ระบายน้ำฝน 1 ชิ้น และตุ้มน้ำหนัก 1 ชิ้น หรือจะเป็นแบบโซ่ธรรมดาก็มีวางจำหน่ายเช่นกัน ซึ่งสามารถปรับความยาวได้ตามที่ต้องการ เพื่อให้เหมาะสมในการใช้งาน

โซ่ระบายน้ำฝนทำงานอย่างไร


  • ส่วนมากการติดตั้งโซ่ระบายน้ำฝน เราจะติดตั้งร่วมกับรางน้ำฝน หรือบริเวณชายคาบ้าน 
  • เมื่อรางน้ำฝนช่วยรองรับ และลำเลียงน้ำฝนให้ไหลไปยังจุดที่ต้องการ เรามีทางเลือก 2 ทางในการช่วยระบายน้ำฝน คือใช้ท่อระบายน้ำฝน หรือ ใช้โซ่ระบายน้ำฝน 
  • ถ้าใช้แบบท่อ ก็จะช่วยระบายน้ำฝนออกจากตัวรางได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าใช้แบบโซ่ ก็จะช่วยชะลอความแรงของน้ำที่มาจากรางน้ำฝนได้นั่นเอง 
  • ควรเลือกโซ่ระบายน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี มีความแข็งแรง ไม่เป็นสนิม ทนทานทุกสภาวะอากาศ เช่น โซ่ระบายน้ำฝนไวนิล เป็นต้น

วิธีการติดตั้งรางน้ำฝน และโซ่ระบายน้ำฝนเบื้องต้น

  1. สำรวจพื้นที่ติดตั้ง โดยตรวจเช็กความแข็งแรงของเชิงชาย หรือปีกนกที่จะติดตั้งรางน้ำฝน หากมีรางน้ำฝนเก่า ให้ทำการรื้อถอนเสียก่อน โดยระวังอย่าให้กระทบกับโครงสร้างของหลังคา 
  2. วัดระดับน้ำระหว่างหัวท้ายของรางน้ำ เพื่อวัดความลาดเอียงของรางน้ำ แล้วใช้เชือกตีแนวเพื่อกำหนดแนวเส้นที่ต้องการติดตั้ง 
  3. เริ่มติดตั้งตะขอแขวนรางตามระยะที่เหมาะสมกับวัสดุของรางน้ำฝน 
    • รางน้ำฝนแต่ละชนิดจะมีระยะที่เหมาะสมแตกต่างกัน โดยทั่วไปจะเว้นระยะห่างประมาณ 60-80 ซม. 
    • การเชื่อมต่อรางน้ำฝนแต่ละชนิดจะใช้วัสดุเชื่อมที่แตกต่างกัน อย่างรางน้ำฝนไวนิลจะต้องใช้ซิลิโคนในการช่วยเชื่อมระหว่างรอยต่อ หรือรางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส จะต้องใช้น้ำยาไฟเบอร์ เป็นต้น 
  4. ติดตั้งรางน้ำฝนกับผนังหรือเสาด้วยตัวยึด   
  5. ตรวจเช็กการทำงานของรางน้ำฝนด้วยการทดลองฉีดน้ำบนหลังคา หากน้ำไหลเป็นปกติก็เป็นอันเรียบร้อย 
  6. สำหรับโซ่ระบายน้ำฝน จะเลือกใช้วัสดุเดียวกันกับรางน้ำก็ได้เพื่อความสวยงาม และการดูแลรักษาที่ง่ายขึ้น โดยการติดตั้งให้เริ่มจากติดตั้งข้อต่อโซ่ระบายน้ำฝน กับตัวครอบเชื่อมรางลงไปที่ตัวรางน้ำฝน 
  7. จากนั้นปรับความยาวของโซ่ระบายน้ำฝนตามความเหมาะสม และทำการติดตั้งโซ่ระบายน้ำฝนเข้ากับรางน้ำฝน 
  8. ใส่ตุ้มน้ำหนักโดยถ่วงไว้กับตะขอเกี่ยวอันสุดท้ายเพื่อถ่วงน้ำหนัก ก็เป็นอันเรียบร้อย 

ช้อปปิ้งสินค้า รางน้ำฝน โซ่ระบายน้ำฝน ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับ ไทวัสดุ 

สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้าเพื่อบ้านบนโลกออนไลน์ได้แล้ววันนี้กับ ไทวัสดุ ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย จำหน่าย รางน้ำฝน โซ่ระบายน้ำฝน ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายจากแบรนด์ชั้นนำ สั่งง่าย สะดวกรวดเร็ว เลือกรับสินค้าที่สาขาด้วยตนเอง หรือเลือกรับสินค้าที่บ้าน บริการจัดส่งทั่วประเทศ สั่งผ่านออนไลน์ได้ที่ thaiwatsadu.com หรือติดต่อผ่านช่องทาง Chat & Shop LINE @thaiwatsadu โทร. 1308