รอบรู้เรื่อง “ ทีวี ” แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ
กว่าจะมาเป็น “ โทรทัศน์ ” หรือ “ ทีวี ” ให้เราได้ดูข่าวสาร ละครต่าง ๆ เพื่อสร้างความเพลิดเพลินนั้น ทุกคนทราบหรือไม่ว่า แต่เดิมทีวีไม่ได้มีภาพ เสียงที่คมชัด และไม่ได้มีการดีไซน์ที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานอย่างปัจจุบัน เพราะทีวีสมัยก่อนจะใช้เป็นระบบส่งสัญญาณแบบ “แอนะล็อก” ที่มีความอ่อนไหวต่อสัญญาณรบกวนสูง จึงส่งผลให้มีภาพไม่ชัด ภาพซ้อน จอเป็นเส้น ภาพสีขาวดำหรือภาพสีไม่คมชัด
แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นปัจจุบันจึงมีการพัฒนาทีวีเป็น “ ระบบดิจิทัล ” ช่วยเพิ่มความคมชัด ทนต่อสัญญาณการรบกวนสูง พร้อมกับสามารถรองรับช่องรายการหลากหลาย รวมถึง “ ระบบไอพีทีวี ” หรือที่เราคุ้นกันว่า “ สมาร์ททีวี ” นั่นเอง โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ทำให้คุณภาพของเสียงกับภาพคมชัดกว่าระบบทีวีแบบเดิม และสามารถรับชมได้ทั้งช่องธรรมดาหรือช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น YouTube , NETFLIX , HBO และVIU เมื่อรู้จักกับที่มาของทีวีเบื้องต้นไปแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าทีวีนั้นมีกี่ประเภท ? และมีคุณสมบัติอย่างไร ? เพื่อประกอบการพิจารณาในการเลือกซื้อของทุกคนครับ
ทีวีแบบไหน ที่ใช่สำหรับคุณ
ในการจะเลือกทีวีซักเครื่องคงจะทำให้คุณหนักใจไม่ใช่น้อย เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีราคาค่อนข้างสูง จึงไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ ยกเว้นกรณีที่ทีวีชำรุดหรือเสียหายจนไม่สามารถซ่อมได้ ดังนั้น ในการเลือกซื้อจึงอาจทำให้คุณต้องไตร่ตรองเป็นพิเศษ
ซึ่งปกติแล้วทีวีจะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น จอแบน จอนูน ตั้งโต๊ะ มีขาตั้ง หรือติดผนัง แต่โดยรวมแล้วเราจะแบ่งทีวีออกตามประเภทของหน้าจอที่มีการผลิตขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนี้
- ทีวี CRT
ทีวี CRT (Cathode Ray Tube Monitor) หรือ ทีวีจอแก้ว ที่ด้านหลังทีวีจะเป็นแบบนูน ซึ่งเป็นทีวียุคแรก ๆ อยู่คู่กับบ้านของเรามาตั้งแต่สมัยก่อน ถึงแม้ว่าปัจจุบันแทบจะไม่มีวางขายแล้วแต่บางบ้านนั้นก็ยังคงใช้กันอยู่ โดยทีวีประเภทนี้จะรับสัญญาณภาพแบบแอนะล็อก ที่มีสารประกอบของฟอสฟอรัสฉาบอยู่บนผิวและทำงานด้วยการยิงลำแสงอิเล็กตรอนไปยังผิวหน้าของจอ เมื่อถูกแสงอิเล็กตรอนมากระทบสารฟอสฟอรัสก็จะเกิดการเรืองแสงขึ้นมาทำให้เกิดเป็นภาพฉายให้คุณได้ชม
- ทีวี LCD
ทีวี LCD (Liquid Crystal Display) เป็นทีวีในรูปแบบจอแบนรุ่นแรก โดยจะใช้หลอดไฟ CCFL ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ หลอดกาแฟ เรียงในแนวนอนยาวลงมาเป็นตัวกำเนิดแสง โดยจะส่องผ่านผลึกแข็งกึ่งเหลวหรือที่เรียกว่า Liquid Crystal จำนวน 3 สี ด้วยกันทั้งสีแดง น้ำเงิน เขียว ออกมาเป็นสีสันต่าง ๆ ข้อดีของหน้าจอทีวีประเภทนี้มีสีที่สว่างสดใส แต่อาจก่อให้เกิดสีเพี้ยนเล็กน้อย เนื่องจากมี Response Time ที่เป็นความเร็วในการตอบสนองของเม็ดพิกเซลเพียงแค่ 2 ms เท่านั้น เหมาะกับการนำไปใช้ในห้องที่มีความสว่างสูง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ร้านอาหาร สนามบิน
- ทีวี LED
ทีวี LED TV เป็นทีวีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน พัฒนามาจาก ทีวี LCD โดยใช้หลอดไฟ LED ขนาดจิ๋ว 3 ที่เรียกว่า Liquid Crystal จำนวน 3 สี ได้แก่ สีแดง น้ำเงิน และเขียว เป็นผลึกแข็งกึ่งเหลว โดยจะคอยบิดตัวเป็นองศาเพื่อให้แสงจากหลอด LED ส่องลอดผ่านออกมาเป็นสีสันต่าง ๆ ข้อดีของทีวี LED นั้นจะให้แสงสว่างได้ดีกว่า LCD กินไฟน้อยกว่า และตัวเครื่องมีความบางยิ่งขึ้น
แต่ไม่เพียงแค่นั้นสำหรับทีวีจอ LED ยังมีอีก 3 รูปแบบด้วยกัน ที่จะให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลไม่เหมือนกัน ดังนี้
- หน้าจอ Edge LED : เป็นการจัดวางหลอดไฟไว้บริเวณขอบจอทีวี ที่จะช่วยให้ปรับความหนาของตัวเครื่องทีวีบางขึ้น กินไฟน้อย แต่สีสันของภาพที่แสดงออกมาหน้าจอนั้นอาจไม่ดีเท่าไหร่นัก
- หน้าจอ Full LED : เป็นทีวีที่มีการจัดวางหลอดไฟเต็มแผงหน้าจอ ทำให้ตัวเครื่องอาจมีความหนามากกว่า แต่สีสันของภาพที่ปรากฏนั้นจะให้ความคมชัด สมจริง เพิ่มอรรถรสในการชมได้มากกว่า
- หน้าจอ RGB LED : จะมีการจัดไฟ LED ทั้ง 3 สี มาวางเรียงเต็มบริเวณแผงหน้าจอ ที่ทำให้เกิดการผสมสีกันได้มิติของภาพและสีสันเสมือนจริงมากกว่าแบบ Full LED
- ทีวี OLED
เรียกได้ว่าเป็นทีวีสมัยใหม่ที่มีเม็ดพิกเซลสามารถให้กำเนิดแสงได้เองโดยไม่ต้องพึ่งหลอดไฟเหมือน LCD หรือ LED มีจุดเด่นของจอภาพที่ลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มมีความยืดหยุ่นจึงสามารถพัฒนาหน้าจอให้มีความโค้งสวยงาม สามารถมองเห็นได้ทุกมุมของดวงตา อีกทั้งยังควบคุมตำแหน่งและความสว่างของแสงได้แม่นยำ บางรูปแบบก็อาจสามารถคุมเฉดสีของแสงที่เป็นโทนสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน จึงค่อนข้างจะเป็นทีวีอีกหนึ่งประเภทที่ช่วยสร้างสีสันของภาพฉายได้อย่างสมจริง
- ทีวี NANO CELL
ทีวี Nano Cell จะมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์ม Polarized ขนาดเล็กมีความบางเพียง 1 นาโนเมตร เคลือบฉาบ ซึ่งจะช่วยขจัดแสงที่ไม่บริสุทธิ์ออกจากฟิลเตอร์ RGB แบบ Pixel ต่อ Pixel เพื่อให้มีการแสดงผลเฉพาะสีที่สมจริง และแม่นยำบนหน้าจอ
- ทีวี QLED
ทีวีประเภทนี้เป็นนวัตกรรมทีวีล่าสุดที่นำเทคโนโลยี Quantum Dot ซึ่งเป็นวัสดุสารกึ่งตัวนำความละเอียดสูงที่มีขนาดระดับนาโนมาใช้แทนหลอด Diode แบบเก่า ช่วยส่งผลให้สีสันคมชัด ไม่ว่าจะสภาพแวดล้อมสว่างหรือมืด ก็สามารถให้สีของภาพที่ฉายคุณภาพดีอยู่เสมอ
เทคโนโลยีของทีวี ความทันสมัยที่คุณเลือกได้ดั่งใจ
รู้จักกับประเภททีวีไปข้างต้นแล้ว เรามารู้จักกับเทคโนโลยีที่มาคู่กับทีวีกันบ้างดีกว่า เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ก็มีผลกับการตัดสินใจเลือกซื้อทีวีไม่แพ้กัน
- ความละเอียดของจอภาพ
เหตุผลที่คุณควรเช็กความละเอียดของจอภาพก่อนเลือกซื้อนั้น เพราะการแสดงผลของจอภาพอาจสร้างอรรถรสการชมหนัง สารคดี หรือข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างดี ทำให้คุณรู้สึกเพลิดเพลินและเต็มอิ่มไปกับการพักผ่อนดูทีวีอยู่บ้าน ไม่ต้องรู้สึกหงุดหงิดใจเมื่อภาพเบลอไม่คมชัด โดยหลัก ๆ แล้วความละเอียดของจอภาพจะมีอยู่ 5 ระดับ ด้วยกัน ได้แก่
- SD (Standard Definition) : คือ ระดับความคมชัดมาตรฐาน 720 x 480 Pixel ที่มีความละเอียดในการแสดงผลที่มีความคมชัดน้อย เป็นระดับมาตรฐานที่ค่อนข้างเก่าส่วนใหญ่จะอยู่ในทีวีระบบแอนะล็อก
- HD (High Definition) : เป็นมาตรฐานความละเอียดของจอภาพที่มีความคมชัดสูง 1280 x 720 Pixel และยังคงได้รับความนิยมในปัจจุบัน
- Full HD (Full High Definition) : เป็นความละเอียดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเช่นเดียวกันที่มีความคมชัดสูงเต็มรูปแบบ 1920 x 1080 Pixel ช่วยในการดูภาพยนตร์ กีฬาหรือรายการทีวีต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- UHD (Ultra High Definition) : หรือที่เรียกกันว่า 4 K เป็นระดับความคมชัดสูงมาเป็นพิเศษ 3840 x 2160 Pixel ซึ่งสูงกว่าแบบ Full HD ถึง 4 เท่า โดยความละเอียดระดับนี้ช่วยให้เราได้ชมภาพที่มีความคมชัดสมจริงถึงใจมากยิ่งขึ้น
- 8 K : มีความละเอียดสูงสุดถึง 7680 x 4320 Pixel ที่มากกว่าแบบ 4 K ถึง 4 เท่า และมากกว่าแบบ Full HD ถึง 16 เท่า ที่จะสร้างภาพที่ละเอียดสมจริง แต่ขณะเดียวกันก็อาจมีราคาสูงตามไปด้วย
- การช่วยควบคุมแสงหน้าจอทีวี
เทคโนโลยีนี้ในทางศัพท์เทคนิคแล้วมักจะเรียกกันว่า Dimming ซึ่งมักจะอยู่ในทีวี LED , QLED , OLED ที่มีส่วนช่วยลดแสงรบกวนจากแหล่งกำเนิดแสงในบางจุดและสามารถแสดงสีดำ ขาว เทา และคอนทราสต์ได้อย่างลึกล้ำ ยกตัวอย่าง หากภาพในทีวีเป็นท้องฟ้ายามกลางคืนที่มีเมฆหรือดวงจันทร์ เทคโนโลยีนี้ก็จะหรี่ไฟในส่วนท้องฟ้าที่มืดลงแสดงเป็นภาพสีดำสนิทเพื่อทำให้คุณเห็นรายละเอียดของดวงจันทร์หรือก้อนเมฆได้ดี
- การเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย
ปฏิเสธไม่ได้เลยกับสื่อโซเชียลมีเดียในปัจจุบันที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในการใช้ชีวิต เพราะเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกให้แก่เราเข้าถึงข่าวสารหรือช่องทางสื่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จึงอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตมีการคิดค้นทีวีรูปแบบใหม่ขึ้นมา ซึ่งทุกคนคงจะคุ้นเคยในชื่อเรียกว่า สมาร์ททีวี และ แอนดรอยด์ทีวี (Android TV)โดยจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- สมาร์ททีวี : ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ OS ของตนเองส่วนใหญ่ถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อใช้งานกับสมาร์ททีวีช่วยให้การรับชมข่าวสาร หรือจะให้พูดง่าย ๆ เลยก็ คือ เป็นทีวีที่ต้องใช้การทำงานร่วมกับอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชัน บางแบรนด์มีการรองรับระบบสัมผัส คำสั่งการด้วยเสียงผ่านรีโมทคอนโทรล และสามารถแชร์แสดงผลหน้าจอจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตขึ้นหน้าจอทีวีได้ แต่จะมีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่จะสามารถโหลแอปพลิเคชันได้น้อยกว่า มักจะเป็นเพียงแค่แอพลิเคชันหลัก ๆ ที่ผู้คนนิยม เช่น YouTube, Netflix , Disney+ Hotstar , Apple TV หรือ Prime Video
- แอนดรอยด์ทีวี : เป็นระบบปฏิบัติการจาก Google ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้ระบบปฏิบัติการเชื่อมต่อกับ Play Store ของ Google จึงสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ด เมาส์ จอยเกม นอกจากนี้ยังมาพร้อมรีโมทคอนโทรลที่มีไมโครโฟนสามารถสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ได้อีกด้วย แต่ข้อเสียของ Android TV อาจมีความยุ่งยากในช่วงแรกเพราะต้องทำขั้นตอนการลงทะเบียนก่อนใช้งาน และระบบอาจล่าช้าหากสเปกของตัวเครื่องต่ำเกินไป
หากใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อทีวีสักเครื่อง นอกจากเทคโนโลยีที่เราได้แนะนำนั้น คุณควรตรวจสอบดูเรื่องความเหมาะสมในการนำไปใช้งานร่วมกับงบประมาณการซื้อ ยกตัวอย่าง สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูทีวีมากเท่าไหร่นัก ก็อาจเลือกซื้อทีวีขนาดที่พอดีความคมชัดปานกลาง แต่หากคุณเป็นสายดูหนัง ซีรีย์ รายการต่าง ๆ ก็ควรเลือกความคมชัดที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดู เช่น Full HD , 4 K
อีกทั้งยังควรตรวจสอบถึงการรับประกันของสินค้า เพราะเมื่อเกิดความเสียหายหรือพังระหว่างใช้งานและอยู่ในช่วงประกันที่ทางบริษัทกำหนดอาจสามารถเข้าขอรับการซ่อมซอมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือซื้อทีวีเครื่องใหม่
ช้อปปิ้งสินค้า ทีวี ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับไทวัสดุ
สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้าเพื่อบ้านบนโลกออนไลน์ได้แล้ววันนี้กับ ไทวัสดุ ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย จำหน่าย ทีวี หลากหลายรูปแบบ เหมาะกับบ้านและห้องทุกสไตล์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สั่งง่าย สะดวกรวดเร็ว และสามารถเลือกรับสินค้าที่สาขาด้วยตนเอง หรือเลือกรับสินค้าที่บ้าน บริการจัดส่งทั่วประเทศ สั่งผ่านออนไลน์ได้ที่ thaiwatsadu.com หรือติดต่อผ่านช่องทาง Chat & Shop LINE @thaiwatsadu โทร. 1308