ข้อควรรู้ก่อนเลือก 'เครื่องกรองน้ำดื่ม' ไว้ติดบ้าน เพื่อน้ำดื่มที่สะอาด
แน่นอนว่า น้ำ เป็นอีก ปัจจัยสำคัญของการใช้ชีวิตที่จะคนเรานั้นจะขาดไปไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้ในการชำระร่างกาย ใช้ทำความสะอาดทั่วไป หรือการดื่มในชีวิตประจำวัน ที่ช่วยป้องกันร่างกายขาดน้ำ ดับกระหาย เพิ่มความสดชื่นยามเหนื่อยล้า แต่น้ำดื่มที่ว่านี้ต้องปราศจากสิ่งสกปรกและสิ่งปะปนต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายร่วมด้วย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี
ดังนั้น การที่จะทำให้คุณได้รับน้ำดื่มอย่างมีคุณภาพมากที่สุดก็คงจะไม่พ้น การพึ่งพา เครื่องกรองน้ำดื่ม (Water filter) ที่เป็นอุปกรณ์เสริมช่วยในการกรองสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรคในน้ำก่อนจะนำมาบริโภค เพื่อให้ได้น้ำดื่มที่สะอาด มีคุณภาพ และทำให้คนในครอบครัวหรือคนที่คุณรักมีสุขภาพที่ดีมากขึ้น งั้นเรามาดูไปพร้อมกันดีกว่าว่าเครื่องกรองน้ำมีกี่ประเภทและแบบไหนที่ตอบโจทย์กับคุณมากที่สุด
ประเภทเครื่องกรองน้ำดื่ม
1. เครื่องกรองน้ำดื่มระบบ RO (Reverse Osmosis System)
เป็นเครื่องกรองน้ำดื่มที่ใช้แรงดันน้ำดันผ่านไส้กรองเมมเบรนซึ่งมีความละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน ทำให้สารละลายที่ปนเปื้อนมาจากน้ำซึ่งมีขนาด 50-0.0002 ไมครอน เช่น โลหะหนัก สารเคมี ไวรัสและแบคทีเรียต่าง ๆ ไม่สามารถเล็ดลอดผ่านเยื่อกรองไปได้ พร้อมกับถูกกำจัดออกจากระบบทันที อีกทั้งยังกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างหมดจด ทำให้คุณได้น้ำบริสุทธิ์ แต่ขณะเดียวกันด้วยความละเอียดนี้จะทำให้น้ำไม่หลงเหลือแร่ธาตุสำคัญ รวมถึงต้องมีการติดตั้งร่วมกับปั๊มน้ำร่วมด้วยเพื่อช่วยเพิ่มแรงดันน้ำจึงทำให้อาจมีค่าใช้จ่ายสูง ส่วนใหญ่มักใช้ไส้กรอง PP ไส้กรองคาร์บอน ไส้กรองเรซิน ไส้กรอง RO ควบคู่กับเครื่องกรองน้ำระบบนี้
2. เครื่องกรองน้ำดื่มระบบ UV (Ultraviolet Filtration System)
เป็นเครื่องกรองน้ำที่มีความคล้ายกับระบบ RO แต่จะมีประสิทธิภาพการกรองที่น้อยกว่า โดยมีกระบวนการกรองน้ำด้วยเทคโนโลยีอัลตราไวโอเลต ภายในเครื่องจะมีหลอด UV ซึ่งเป็นประจุแสงเข้มข้น ที่ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย จุลินทรีย์และไวรัส รวมถึงช่วยกรองกลิ่นสี คลอรีน แต่ไม่ทำให้สูญเสียแร่ธาตุภายในน้ำ แต่จะมีข้อจำกัดเล็กน้อยของเครื่องกรองน้ำระบบ UV ตรงที่เหมาะกับการนำไปใช้ในการกรองน้ำประปามากกว่าน้ำบาดาล น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่มีตะกอนแขวนลอยจำนวนมาก หรืออาจเลือกไส้กรองที่มีประสิทธิภาพในการช่วยกรองตะกอนอย่างไส้กรอง PP ไส้กรองคาร์บอน ไส้กรองเรซิน ไส้กรอง UF เป็นต้น ร่วมด้วยเพื่อให้ได้น้ำดื่มที่สะอาดอยู่เสมอ
3. เครื่องกรองน้ำดื่มระบบอีสปริง (eSpring System)
เป็นเครื่องกรองน้ำระบบทันสมัยในปัจจุบัน ใช้งานง่าย สะดวก ประกอบด้วยหลอด UV และคาร์บอนกัมมันต์ (Carbon) อยู่ในเครื่องเดียวกัน เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค กำจัดแบคทีเรีย ไวรัส ทำให้ดักจับสิ่งสกปรกขนาด 0.2 ไมครอนได้เป็นอย่างดี และยังได้แร่ธาตุสำคัญไปพร้อมกัน เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเตือนเปลี่ยนไส้กรองเมื่อครบอายุการใช้งาน แต่อาจมีราคาตัวเครื่องและไส้กรองที่ค่อนข้างสูงกว่าเครื่องกรองน้ำดื่มแบบอื่น
4. เครื่องกรองน้ำดื่ม UF (Ultra Filtration System)
เป็นเครื่องกรองน้ำที่มีไส้กรองแบบอัลตราฟิลเทรชั่น ภายในไส้กรองบรรจุเส้นใยสังเคราะห์ที่มีขนาดเล็กและละเอียดเอาไว้หลายพันเส้นมีคุณสมบัติในการแยกน้ำและสิ่งแปลกปลอมที่มีอนุภาคขนาดเล็ก 0.01 ไมครอน ออกจากกันได้อย่างมีคุณภาพ เช่น แบคทีเรีย โปรโตซัว สารแขวนลอย เป็นต้น โดยไม่สูญเสียแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายอย่าง โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฯลฯ เหมาะสำหรับกรองน้ำประปามากกว่าแหล่งน้ำดิบ อีกทั้งเครื่องกรองน้ำระบบนี้มีข้อดีที่คุณสามารถเปลี่ยนไส้กรองได้ด้วยตัวเอง ติดตั้งง่ายและลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ส่วนใหญ่มักใช้คู่กับไส้กรอง PP ไส้กรองเรซิน ไส้กรองคาร์บอน ไส้กรอง UF ไส้กรองโพสคาร์บอน
5. เครื่องกรองน้ำดื่ม MF (Micro Filtration System)
เป็นระบบกรองด้วยเยื่อเมมเบรนที่มีรูขนาดเล็กประมาณ 0.1 ไมครอน ที่ช่วยแยกอนุภาคขนาด 0.1-10 ไมครอน ออกจากสารแขวนลอย เหมาะกับการนำไปใช้กรองน้ำที่มีปัญหาน้ำกร่อย น้ำเค็ม และน้ำกระด้าง นอกจากนี้ยังสามารถกรองสี กลิ่น และเชื้อโรคได้ ส่วนใหญ่มักนิยมนำใช้กรองน้ำใช้มากกว่าน้ำดื่ม แต่ปัจจุบันผู้ผลิตแบรนด์ต่าง ๆ ได้นำมาพัฒนาให้สามารถกับเครื่องกรองน้ำดื่มได้ แต่ต้องใช้ร่วมกับไส้กรองที่มีคุณสมบัติในการกรองตะกอนเพื่อเพิ่มคุณภาพน้ำให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น โดยมักใช้กับไส้กรอง PP ไส้กรองคาร์บอน ไส้กรอง MF เป็นต้น
ไส้กรองในเครื่องกรองน้ำดื่มมีแบบไหนบ้าง
- ไส้กรองพอลิโพรไพลีน (Polypropylene หรือ PP) : หรือมีอีกชื่อที่เรียกว่าไส้กรองหยาบ (Sediment filter) เป็นไส้กรองที่อยู่ชั้นแรกสุด เป็นไส้กรองที่ผลิตจากพลาสติกชนิดหนึ่งนำมาในรูปแบบเส้นใยขนาดเล็กก่อนจนำไปอัดแท่งที่มีขนาดตั้งแต่ 1 ไมครอนขึ้นไป เพื่อช่วยดักจับฝุ่น สารแขวนลอย เช่น กรวด ทราย ดิน หิน เป็นต้น แต่จะมีอายุการใช้งานที่สั้นทำให้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนบ่อยครั้งทุก 3-6 เดือน
- ไส้กรองคาร์บอน (Carbon) : ถูกผลิตจากเส้นสารคาร์บอนและพันด้วยตาข่ายอีกชั้น มีขนาดรูที่ตาข่ายเล็กเพื่อช่วยดูดซับกลิ่น สีคลอรีน รวมถึงสารเคมีในน้ำ เพื่อให้ได้น้ำดื่มที่ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีสิ่งแปลกปลอมเจือปน บางระบบจะมีไส้กรอง Post Carbon ที่ช่วยปรับรสชาติของน้ำ และค่าความเป็นกรดด่างร่วมด้วย ซึ่งไส้กรองนี้ควรเปลี่ยนทุก 3-6 เดือน หรือ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำแต่ละพื้นที่
- ไส้กรองเรซิน (Resin) : เป็นสารกรองน้ำชนิดหนึ่งทำหน้าที่ในการช่วยคัดกรองหินปูน แคลเซียม และแมกนีเซียมในน้ำและแลกเปลี่ยนเป็นโซเดียมแทน เพื่อป้องกันน้ำกระด้างและไม่ให้ร่างกายของคุณนั้นได้รับหินปูนมากจนเกินไป เพราะถึงว่าแร่ธาตุเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายแต่หากได้รับมากเกินไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดนิ่วในไตได้ และควรเปลี่ยนไส้กรองทุก 6 เดือน หรือทุก ๆ 1 ปี โดยไส้กรองชนิดนี้มักจะนิยมใช้กับเครื่องกรองน้ำที่ใช้กรองน้ำบาดาลหรือน้ำกร่อย
- ไส้กรองแบบ RO (Reverse Osmosis) : เป็นไส้กรองที่มีความละเอียดมากเป็นพิเศษประกอบด้วยเยื่อเมมเบรน โดยทั่วไปมักจะอยู่ในเครื่องกรองน้ำระบบ RO เพื่อช่วยคัดกรองไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งสกปรก รวมถึงแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีอนุภาคเล็ก ทำให้ได้น้ำดื่มที่มีคุณภาพดี และมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี
- ไส้กรอง UF (Ultra Filtration) : ผลิตจากวัสดุโพลีซัลโฟน (PS) มีรุพรุนประมาณ 0.01 ไมครอน ใช้ดักจับตะกอนขนาดเล็ก แบคทีเรีย ฝุ่นละออง และเชื้อโรคต่าง ๆ แต่ยังไม่ถึงกับกรองเชื้อไวรัสได้ นิยมใช้กับเครื่องกรองน้ำระบบ UF และเหมาะกับการกรองน้ำประปามากกว่านำไปใช้กับน้ำดิบ โดยไส้กรองนี้อาจมีอายุการใช้งานประมาณ 3-7 ปี
- ไส้กรอง MF (Micro filtration) : ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ มีความสาะมารถในการกรองสิ่งสกปรกและสารแขวรลอยในอนุภาคประมาณ 0.1-10 ไมครอน มักใช้ร่วมกับเครื่องกรองน้ำระบบ MF เช่นเดียวกัน ซึ่งไส้กรองนี้มีข้อดีตรงที่สามารถถอดทำความสะอาดผิวภายนอกได้ง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 1 ปี
- ไส้กรองแบบอีสปริง (E-Spring) : เรียกได้ว่าเป็นไส้กรองที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน เพราะมีไส้กรอง UV และคาร์บอนกัมมันต์ มีลักษณะเป็นรูในปริมาณมากกว่าไส้กรองทั่วไป ช่วยดักจับสิ่งสกปรกขนาดเล็กและฆ่าเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย โดยอายุการใช้ของไส้กรองประเภทนี้มักจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
วิธีเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำดื่ม
- ตรวจสอบลักษณะของน้ำในพื้นที่ของเราว่าเป็นน้ำประปาหรือน้ำบาดาล เพื่อเลือกเครื่องกรองน้ำและไส้กรองได้อย่างเหมาะสม ช่วยยืดอายุของเครื่องกรองน้ำและไส้กรองน้ำได้นานขึ้น
- พิจารณาจากจำนวนคนภายในบ้านที่ใช้น้ำดื่ม เพราะจะช่วยประกอบการตัดสินใจได้ว่าควรใช้เครื่องกรองน้ำขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่
- เช็กเครื่องหมายมาตรฐานการรับรอง และการรับประกันสินค้า
- เช็กบริการการติดตั้งหรือการเปลี่ยนไส้กรองของเครื่องกรองน้ำแต่ละยี่ห้อ เพื่อความสะดวกของตัวเราเอง
- ควรเปรียบเทียบราคาในแต่ละรุ่นที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน เพื่อช่วยประหยัดงบการใช้จ่ายไปอีกขั้นและยังได้น้ำดื่มที่สะอาดมีคุณภาพ
ช้อปปิ้งสินค้า “เครื่องกรองน้ำดื่ม” ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับ ไทวัสดุ
สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้าเพื่อบ้านบนโลกออนไลน์ได้แล้ววันนี้กับ ไทวัสดุ ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย จำหน่าย เครื่องกรองน้ำดื่ม ที่ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายจากแบรนด์ชั้นนำ สั่งง่าย สะดวกรวดเร็ว และสามารถเลือกรับสินค้าที่สาขาด้วยตนเอง หรือเลือกรับสินค้าที่บ้าน บริการจัดส่งทั่วประเทศ สั่งผ่านออนไลน์ได้ที่ thaiwatsadu.com หรือติดต่อผ่านช่องทาง Chat & Shop LINE @thaiwatsadu โทร. 1308