ไฟฉาย

ไฟฉายมีกี่ประเภทกันนะ 

สมัยก่อนนั้นไฟฉายมักจะใช้หลอดไส้โดยจะใช้พลังงานไฟฟ้าวิ่งผ่านไส้ทังสเตนจนเกิดความร้อนนำไปสู่การสร้างแสงสว่างนั่นเองแต่จะทำให้บริเวณฉายไฟร้อนขึ้นเร็วและมีแสงสว่างน้อย ปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนาเปลี่ยนเป็นหลอดไฟ LED  ที่กินพลังงานต่ำ ให้แสงสว่างมากกว่า โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ที่ผู้คนนิยมใช้ ดังนี้ 

1. ไฟฉายพกพา : เป็นไฟฉายที่พบเห็นได้บ่อยมากที่สุด ซึ่งจะใช้พลังงานจากถ่านทั่วไปที่เราใช้ใส่รีโมทแอร์ รีโมททีวี มีลักษณะเป็นกระบอกและมีขนาดกลางจนถึงขนาดกลาง จับถนัดมือ สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกง กระเป๋าสะพาย ไปยังทุกที่ที่คุณต้องการได้ ถึงแม้จะมีข้อดีที่พกพาสะดวกแต่ขณะเดียวกันก็อาจให้แสงสว่างไม่มากเท่าไหร่นักเนื่องจากมีขนาดเล็กกว่าไฟฉายประเภทอื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับนำไปใช้งานเพียงชั่วคราว เช่น ไฟดับกะทันหัน หาสิ่งของ หรือเป็นไฟส่องทางเดินเข้าซอยบ้านของคุณที่มีแสงไฟสว่างไม่เพียงพอ 
2. ไฟฉายแรงสูง : เป็นไฟฉายที่ในปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นไฟฉายที่สามารถให้ความสว่างในวงกว้าง ส่วนใหญ่ใช้เป็นหลอดไฟ Cree LED เพราะมีคุณสมบัติในการให้แสงสูงกว่าหลอดประเภทอื่น ๆ มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ถึงขนาดเล็กที่พกพาง่าย และมีทั้งแบบใช้ถ่านและแบบชาร์จไฟ เหมาะสำหรับการนำไปใช้ให้ความสว่างเมื่อไฟดับแต่อาจต้องเปิดและวางในระยะไกล เพื่อไม่ให้ส่องเข้าสู่สายตาโดยตรง และเหมาะกับงานก่อสร้างยามกลางคืน งานตรวจตรา เดินป่า ใช้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ป้องกันภัยคุกคาม ฯลฯ
3. ไฟฉายคาดหัว : นิยมนำไปใช้กับผู้ที่ต้องทำงานก่อสร้าง งานเกษตร งานประมง หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่สามารถใช้มือจับไฟฉายได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกเพราะถูกออกแบบมาให้มีสายรัดศีรษะ โดยสามารถปรับระดับตามขนาดของศีรษะได้อีกด้วยให้แน่นหนา กระชับ ไม่หลุดง่าย และยังให้แสงสว่างในวงกล้าง มีความสว่างมากเพราะใช้หลอดไฟ Cree LED เหมือนกับไฟฉายแรงสูง
4. ไฟฉายแบบชาร์จแบต : ค่อนข้างจะมีขนาดใหญ่จนถึงขนาดกลาง มีน้ำหนักมากกว่าไฟฉายประเภทอื่นเพราะมีฐานที่ต้องใช้ใส่แบตเตอรี่ มีทั้งในรูปแบบตั้งวาง แบบแขวน เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในงานที่ต้องใช้แสงสว่างเป็นประจำ เช่น อู่ซ่อมรถ ช่างซ่อมไฟ งานขุดเจาะท่อ หรือแม้แต่ตั้งแคมป์ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน  

เคล็ดลับการเลือกซื้อไฟฉาย 

• ความสว่างของไฟฉาย : หรือที่เรียกว่า ลูเมน (Lumen) คือความสว่างของไฟนับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเลือกซื้อไฟฉาย ยิ่งค่าความสว่างสูงมากก็ยิ่งมีความสว่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้เกิดการใช้พลังงานจากถ่านหรือแบตเตอรี่มากขึ้น ส่งผลให้แบตหมดไวและเปลี่ยนถ่านบ่อยนั่นเอง ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงจุดประสงค์การนำไปใช้งานร่วมด้วย ปัจจุบันหลาย ๆ แบรนด์ได้มีการพัฒนาให้สามารถปรับระดับความสว่างได้ตามต้องการ จึงอาจตอบต่อการใช้งานหลาย ๆ ด้านภายในกระบอกเดียวและช่วยประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น 
• การกันน้ำ : สำหรับใครที่ใช้ไฟฉายทำงานบ่อยครั้ง โดยเฉพาะทำงานใกล้แหล่งน้ำ เสี่ยงต่อน้ำกระเซ็น งานก่อสร้าง เดินป่าที่อาจสัมผัสกับเศษดินเศษฝุ่น เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของไฟฉาย คุณจึงควรเลือกซื้อไฟฉายที่มีมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเรียกว่า IP นั่นเอง ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขทั้ง 2 หลัก หลักแรกเป็นการป้องกันฝุ่นโดยมีตั้งแต่ระดับ 0-6 และหลักที่สองเป็นการป้องกันน้ำโดยมีตั้งแต่ระดับ 0-8 ยิ่งตัวเลขสูงก็จะหมายความว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นและน้ำได้ดีนั่นเอง
• ขนาดและน้ำหนัก : ไฟฉายที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ไม่ได้หมายความว่าจะให้แสงสว่างสูงเสมอไป เพราะควรตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ถึงค่าลูเมนของหลอดไฟร่วมด้วย สำหรับใครที่ต้องใช้ไฟฉายบ่อยครั้งควรเลือกขนาดเหมาะสมต่อการจัดเก็บและน้ำหนักของไฟฉายที่เบา เพราะจะทำให้คุณพกพาสะดวกและถือได้ไม่เมื่อยมือ เนื่องจากการจับกระบอกไฟฉายที่มีน้ำหนักมากทำงานเป็นเวลานานอาจเสี่ยงเจ็บข้อมือได้ 

ช้อปปิ้งสินค้า ไฟฉาย ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับไทวัสดุ