เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ (Portable Air Conditioning)

1. ควรสำรวจพื้นที่ ขนาด ภายในห้องให้เหมาะสำหรับกับขนาด BTU  เพื่อให้แอร์เคลื่อนที่สามารถทำความเย็นได้อย่างทั่วห้อง 
2. ความดังของเสียงรบกวน เนื่องจากแอร์เคลื่อนจะมีคอมเพรสเซอร์ในตัว เนื่องจากเวลาเครื่องทำงานจะมีเสียงค่อนข้างดังอยู่พอสมควร แนะนำให้ดูว่าเครื่องนั้นมีโหมดสำหรับการนอนหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มีหรือดังจนเกินไป อาจจะทำให้้นอนได้
3. ความยาวของท่อระบายความร้อน ควรมีความยาวและยืดหยุ่นดี สะดวกต่อการติดตั้งและเคลื่อนย้ายไปทางหน้าต่างเพื่อระบายความร้อนออกทางด้านนอกของห้อง สายท่อจึงต้องมีความยาวอย่างเหมาะสมแต่ไม่ยาวมากจนเกินไป
4. ระบบน้ำทิ้ง แอร์เคลื่อนที่บางรุ่น อาจจะมีท่อระบายน้ำจึงต้องต่อท่อน้ำทิ้งอออกทางด้านนอก หรือต้องหมั่นทิ้งน้ำบ่อย ๆ หรือบางรุ่นอาจมี เช่น ระบบระเหยน้ำอัตโนมัติ หรือ ระบบหมุนเวียนน้ำในเครื่อง ดังนั้นคุณต้องสอบถามพนักงานให้ละเอียด
5. ฟังก์ชันการใช้งาน ควรจะต้องมีฟังก์ชันพื้นฐานทั่วไปที่ติดตั้งมากับเครื่องแล้ว หรือมีฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบออโต้สวิง โหมดปรับความเย็นหลายระดับ พัดลมธรรมดา ระบบตัดการทำงานคอมเพรสเซอร์อัตโนมัติ สัญญาณไฟจะ เตือนคำว่า WATER FULL มีระบบเปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไฟฟ้าดับ เป็นต้น 

• มีคอมเพรสเซอร์ ท่อลมร้อน และระบบกรองอากาศในตัว ดังนั้นในบางรุ่นจึงต้องการการต่อท่อ (ลากท่อ) เพื่อระบายน้ำทิ้ง เป็นน้ำที่เกิดจากไอน้ำเมื่อทำความเย็น  
• เพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้เลย อาจต้องหาท่อต่อออกภายนอกห้อง เพื่อระบายความร้อนที่เกิดจากการทำงาน  
• ขนาดกะทัดรัดเคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะสำหรับห้องการย้ายห้อง การเปลี่ยนมุมในการทำความเย็น  
• อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน หากเปิดตลอดเวลา ก็ไม่ได้ทำให้เสียง่ายแต่อย่างใด อายุการใช้งานเฉลี่ย 3 - 5 ปี  
• มี BTU ให้เลือก และมี BTU ขนาดใหญ่แบบแอร์บ้านด้วย แต่ BTU สูงสุดในประเทศไทยจะไม่เกิน 12,000 BTU ซึ่งเหมาะกับห้องที่ไม่ใหญ่มากนัก  
• ตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ มีจอแสดงผลแบบดิจิทัล สามารถปรับอุณหภูมิได้ พร้อมมีฟังก์ชันการทำงานคล้ายแอร์ติดผนังทั่วไป 

1. ควรเลือกปลั๊กไฟที่มีมาตรฐาน เพราะแอร์เคลื่อนที่ จำเป็นที่จะต้องใช้กำลังไฟจำนวนมาก หากปลั๊กเป็นของปลอม ไม่มีคุณภาพ จะทำให้สายไฟของแอร์เคลื่อนที่เกิดไฟไหม้ได้ 
2. ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน ไม่ควรเสียบปลั๊กค้างไว้ เพราะจะทำให้ปลั๊กไฟที่อยู่ในส่วนสายไฟของแอร์เสื่อมประสิทธิภาพเร็วขึ้น  
3. ทิ้งน้ำแอร์ เนื่องจากแอร์บางรุ่นไม่สามารถระเหย หรือปั๊มน้ำทิ้งออกเองได้ ควรหมั่นนำน้ำแอร์ในถาดน้ำทิ้งเทออกอยู่เสมอ 
4. เช็กแอร์เคลื่อนที่อยู่เสมอ หลังจากใช้งานบ่อย ๆ ควรหมั่นตรวจเช็คี่อยู่เสมอว่ามีส่วนไหนผิดปกติหรือไม่ หากพบว่าส่วนไหนผิดปกติควรเรียกช่างมาซ่อมแซมทันที