ถุงขยะ

รู้จักกับ ถุงขยะ ของใช้ใกล้ตัว ทุกบ้านล้วนต้องมี 

1. พลาสติก HDPE (High-Density Polyethylene) : เป็นพลาสติกพอลีเอทิลีนที่ผลิตจากแก๊สเอทิลีน มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความเหนียว ทนต่อสารเคมี แต่อาจทนความร้อนได้ไม่ดีนัก จึงเหมาะกับการนำไปใช้ใส่ขยะทั่วไป 
2. พลาสติก LDPE (Low-Density Polyethylene) : คือพลาสติกที่ผลิตโดยใช้แรงดันสูง มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความเหนียว ยืดหยุ่นได้ดี ทนต่ออุณหภูมิสูงได้ประมาณ 95 องศาเซลเซียส ทนต่อสารเคมี เหมาะสำหรับการนำไปใส่ขยะเปียก เศษอาหารต่าง ๆ รวมถึงของมีคม 
3. เม็ดพลาสติก PE (Polyethylene) : เป็นสารข้นขาว ที่นำมาผลิตขึ้นรูปเป็นพลาสติกก่อนจะนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นสิ่งของอื่น ๆ รวมถุงขยะ โดยมีคุณสมบัติในเรื่องความทนทาน เนื้อเหนียว ทนต่อกรดด่างอ่อน ๆ ป้องกันน้ำ ทนต่อความชื้นได้ดี ที่มีความเหนียว ทนทาน ป้องกันน้ำและความชื้นได้ดี ใช้บรรจุของหรือขยะทั่วไปได้ 

ใช้ถุงขยะอย่างไร ? เพื่อสภาพแวดล้อมที่ดี 

1. ถุงขยะสีดำ : หลายคนอาจพบเห็นบ่อยมากที่สุดตามสำนักงาน บ้าน คอนโด สวนสาธารณะ เพราะด้วยถุงที่มีสีดำจึงถูกนิยมนำมาใช้ เพื่อปกปิดขยะในถุง ควรนำไปใช้ใส่ขยะไม่ติดเชื้อและขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ เช่น กระดาษห่อขนม โฟมกระป๋องพลาสติก  
2. ถุงขยะที่ขาวขุ่น : มองเผิน ๆ อาจเหมือนถุงพลาสติกทั่วไปสำหรับใส่ของ แต่จริง ๆ แล้วเป็นถุงขยะสำหรับใส่ขยะได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ขยะเปียก ขยะแห้ง และเนื่องจากถุงขยะมีลักษณะสีขาวทึบจึงทำให้มองไม่เห็นขยะและทำให้ดูสะอาดตา กลมกลืนไม่สะดุดตามาก จึงได้รับความนิยมใช้ตามสถานพยาบาล สำนักงาน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น  เป็นต้น
3. ถุงขยะแบบใส : มีลักษณะคล้ายกับถุงพลาสติกใส่ของเช่นเดียวกัน แต่จะผลิตจากพลาสติกคนละเกรด เนื่องจากถุงขยะจำเป็นต้องมีความเหนียวมากกว่าเพื่อบรรจุขยะที่มีน้ำหนักระดับหนึ่ง โดยส่วนใหญ่จะใช้บรรจุผลิตภัณฑ์ที่รีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติก หนังสือพิมพ์ กระป๋องอลูมิเนียม 
4. ถุงขยะสีน้ำเงิน : มักใช้สำหรับทิ้งวัสดุอุตสาหกรรมที่มีความทนทานสูง เช่น แก้วแลพพลาสติกที่มีน้ำหนักมาก หรืออาจนำมาใช้ใส่ขยะรีไซเคิลร่วมด้วยได้
5. ถุงขยะสีเขียว : โดยทั่วไปแล้วถุงขยะสีเขียว มักจะใช้สำหรับการทิ้งเปลือกผลไม้ ผัก กิ่งไม้ ใบไม้ รวมถึงวัสดุอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้เอง เช่น พลาสติกธรรมชาติ กรดาษและผ้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
6. ถุงขยะสีแดง : มักใช้เพื่อเก็บขยะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออันตรายทางชีวภาพตามสถานพยาบาล คลินิก โรงพยาบาล ถึงอย่างนั้นก็สามารถนำมาใช้กับที่บ้านได้เช่นกัน เพราะหากคุณเป็นหวัด จาม ไอ หรือต้องตรวจโควิดด้วย Antigen Test ก็ล้วนต้องทิ้งขยะเหล่านี้ลงในถุงสีแดงทั้งสิ้น เพื่อทำให้หน่วยงานที่ต้องแยกขยะได้ทราบชัดเจน และระมัดระวังในการกำจัดขยะแระเภทนี้มากขึ้น 

เคล็ดลับการเลือกใช้ถุงขยะ 

• เลือกขนาดขอถุงขยะให้เหมาะสมกับถังขยะ เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อถุงขยะ เพราะหากถุงขยะเล็กเกินกว่าถังก็อาจทำให้มีช่องว่าง เมื่อเราทิ้งขยะก็อาจทำให้เกิดการตกหล่นได้ แต่ถ้าหากเลือกถุงขยะที่มีขนาดใหญ่จนเกินไปก็จะส่งผลให้สิ้นเปลืองต่อการเปลี่ยนถุงขยะบ่อย ๆ เพราะถึงแม้ว่าถุงจะมีขนาดใหญ่ใส่ขยะได้เยอะก็จริงแต่ก็ทำให้ปากถุงล้นออกมาจากถังที่ไม่สามารถใส่ขยะได้เช่นกัน โดยปกติแล้ว ถุงขยะมี 6 ขนาด ได้แก่ 
  
  • ถุงขยะขนาด 18 x 20 นิ้ว จะเหมาะกับขนาดถัง 10 ลิตร 
  • ถุงขยะขนาด 24 x 28 นิ้ว จะเหมาะกับขนาดถัง 40 ลิตร
  • ถุงขยะขนาด 28 x 36 นิ้ว จะเหมาะกับขนาดถัง 50 ลิตร
  • ถุงขยะขนาด 30 x 40 นิ้ว จะเหมาะกับขนาดถัง 60 ลิตร
  • ถุงขยะขนาด 36 x 45 นิ้ว จะเหมาะกับขนาดถัง 120 ลิตร
  • ถุงขยะขนาด 45 x 60 นิ้ว จะเหมาะกับขนาดถัง 240 ลิตร 
• เลือกความหนาของถุงขยะให้เหมาะกับขยะที่คุณทิ้ง โดยปกติแล้วซึ่งตามปกติความหนาของถุงขยะนั้นจะใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร (ml.) เช่น 0.70 มิลลิเมตร 0.90 มิลลิเมตร หากคุณต้องการใช้สำหรับทิ้งเศษอาหารต่าง ๆ คุณอาจไม่จำเป็นต้องเลือกความหนาของถุงขยะมาก แต่หากเป็นขยะจำพวกของที่อาจเกี่ยวถุงขาด ของมีคม เช่น กระป๋องน้ำ ลวด ไม้จิ้มลูกชิ้น หรือขยะที่มีน้ำหนักมาก ก็อาจจำต้องเลือกถุงขยะที่มีความหนามากตามไป เพื่อป้องกันถุงขยะขาด การรั่วซึม ทำให้ถังขยะเลอะเปรอะเปื้อน  
• เลือกรูปแบบของถุงขยะตามความเหมาะสม เพราะรูปแบบของถุงขยะนั้นมีทั้งแบบหูหิว เชือกผูกปิดปากถุง และเชือกรูดปิดปากถุง ซึ้งหากเป้นขยะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อควรเลือกถุงขยะที่ปิดปากถุงให้มิดชิด แต่หากเป็นขยะทั่วไปก็สามารถเลือกในรูปแบบถุงขยะได้ทั้งหมดตามที่คุณถนัดในการหิ้วถุงนำไปทิ้งได้เลย 

ช้อปปิ้งสินค้า ถุงขยะ ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับไทวัสดุ