กระเบื้อง

เป็นวัสดุปิดผิวที่ใช้ในตกแต่งต่อเติมบ้านและอาคารให้มีความสวยงามซึ่งภายในบ้านหนึ่งหลัง สามารถเลือกใช้กระเบื้องที่หลากหลายชนิดและปนกันอยู่ในแต่ละส่วนตามห้องต่าง ๆ เช่น ห้องนั่งเล่นควรเลือกใช้กระเบื้องพื้นแกรนิตโต้ รูพรุนน้อย ทนต่อรอยขีดข่วน มีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย เพราะกระเบื้องแต่ละประเภทมีจุดเด่น และมีความเหมาะสมในการนำไปใช้งานที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะแบ่งตามประเภทการใช้งานหรือตามสไตล์ตกแต่ง มี 5 ประเภทกระเบื้องยอดนิยม มาแนะนำให้เลือกใช้งานและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งวิธีการปูกระเบื้องแบบง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน มือใหม่ก็ทำได้เอง สะดวกไม่ยุ่งยาก

5 ประเภท กระเบื้องยอดนิยม

1. กระเบื้องเซรามิก (Ceramic Tile) - ผลิตขึ้นมาจากดินเหนียว หิน แร่ ทรายแก้ว ฯลฯ นำมาเผารวมกันด้วยอุณหภูมิต่ำ จึงมีความแข็งแกร่งน้อย รูพรุนในเนื้อกระเบื้องมาก ทำให้ดูดซึมน้ำได้มาก ทำให้เวลาเปียกน้ำค่อนข้างที่จะลื่น เหมาะกับงานภายในบ้านสักเป็นส่วนใหญ่ สามารถปูได้ทั้งพื้นและผนัง โดยมีให้เลือกทั้งผิวเคลือบ (ผิวมัน Glossy) และผิวไม่เคลือบ (ผิวธรรมดา Matt) ถ้าหากเป็นผิวเคลือบจะมีลวดลายสวยงาม สีสันและดีไซน์ให้เลือกเยอะมากมาย เช่น กระเบื้องลายหินอ่อน กระเบื้องลายหินธรรมชาติ กระเบื้องลายไม้ กระเบื้องลายกราฟิก กระเบื้องลายอิฐ และกระเบื้องสีพื้นเรียบ ๆ สไตล์มินิมอล ก็สร้างความโดดเด่นให้กับบ้านคุณได้อย่าลงตัว
   • ยอดนิยมในการตกแต่ง ปูได้ทั้งพื้นและผนัง
   • รูพรุนในเนื้อกระเบื้องมาก การดูดซึมน้ำมาก
   • ไม่เหมาะกับบริเวณที่เปียกน้ำและโดนฝนบ่อย
   • มีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย
   • มีราคาตั้งแต่ถูกไปถึงแพง หาซื้อได้สะดวก
   • ง่ายต่อการบำรุงรักษา ทนต่อสภาพแวดล้อมและการใช้งาน
   • เมื่อรื้อกระเบื้องเซรามิกแล้ว ไม่สามารถนำมาปูใหม่ได้อีก
2. กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito Tiles) มีส่วนผสมของดินแดงและหินแกรนิต ผ่านขั้นตอนการเผาอุณหภูมิสูง จึงได้แผ่นกระเบื้องที่อัดแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน รูพรุนในเนื้อกระเบื้องน้อย หมดปัญหากระเบื้องหลุดล่อนจากความชื้น แข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน และที่สำคัญมีลวดลายให้เลือกมากมาย เช่นเดียวกับกระเบื้อเซรามิก มีทั้งกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้าน ผิวเงา และกึ่งเงา นำไปปูได้ทั้งในส่วนของพื้นและผนัง ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขกได้อย่างลงตัว เป็นกระเบื้องอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมนำไปใช้ปูพื้นมากกว่าปูผนัง
   • ราคายอมเยาว์กว่าหินแกรนิต และหินธรรมชาติ
   • ลวดลายสวยเสมือนจริงทั้งลายไม้และลายหิน
   • รูพรุนในเนื้อกระเบื้องน้อย หมดปัญหากระเบื้องหลุดล่อน
   • รองรับน้ำหนักได้มาก ทนทานต่อรอยขีดข่วน
   • เปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำ ทนทานต่อความชุ่มชื้น
   • มีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย
3. กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tiles) มีส่วนผสมของดินขาวและแร่ต่าง ๆ ผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงมากกว่า 1,250 องศาเซลเซียส มีความแกร่งสูง รองรับน้ำหนักได้ดี ทนทานกว่ากระเบื้องชนิดอื่น ๆ มีรูพรุนน้อย และมีค่าอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ แม้เปียกน้ำแล้วจะไม่ลื่น ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค นำไปติดตั้งในพื้นที่เปียกหรือในบริเวณที่มีการใช้งานหนักได้สะดวก เช่น ปูพื้นทางเดิน หรือบันไดที่มีคนเดินผ่านบ่อย รวมทั้งบริเวณนอกอาคารได้ด้วย อาทิเช่น พื้นโรงจอดรถ ขอบสระว่ายน้ำที่โดนทั้งแดดและเปียกน้ำอยู่เสมอ มาพร้อมกับงานดีไซน์สวยเหมือนวัสดุจริง จนกลายเป็น กระเบื้องปูพื้น และ กระเบื้องปูผนัง ยอดฮิตอีกหนึ่งวัสดุ
   • เลียนแบบลวดลายไม้หรือหินได้เสมือนจริง สวยคมชัด
   • มีอัตราดูดซึมน้ำต่ำ ไร้ปัญหาดูดซึมความชื้น
   • สามารถปูบริเวณที่เปียกน้ำบ่อย ๆ ได้
   • แข็งแรง ไม่แตกหักง่าย ทนต่อการขูดขีด
   • รองรับน้ำหนักได้มาก ใช้ปูบริเวณที่จอดรถได้
   • ราคาค่อยข้างสูงกว่ากระเบื้องประเภทอื่น 
4. โมเสก หรือจะเรียกอีกอย่างกว่า กระเบื้องโมเสก (Mosaic Tile) เนื้อกระเบื้องส่วนใหญ่ทำมาจากแก้ว ให้สีสันสดใส มันวาว สีไม่ตก ไม่ซีดง่าย เป็นกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ นำมาเรียงต่อกันบนตาข่าย เหมาะสำหรับนำไปตกแต่งตามผนังหรือพื้นที่ที่ต้องการดึงดูดสายตา เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ หรือไปปูพื้นสระว่ายน้ำ แม้กระทั่งสามารถนำมาสร้างสรรค์งานศิลปะที่แปลกใหม่ ด้วยแพททเทิร์นการปูกระเบื้องในรูปทรงต่าง ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
   • ลวดลายสวยงาม สีสันสดใส เพิ่มมิติให้บ้านดูมีสไตล์
   • สามารถปูบนพื้นที่ขนาดเล็กและโค้งมนได้
   • ราคาแพงกว่ากระเบื้องทั่วไป ถ้าต้องการปูพื้นที่จำนวนมาก
   • ทำความสะอาดยาก มีร่องกระเบื้องเยอะ 
5. บล็อกแก้ว (Glass Block) อีกหนึ่งวัสดุที่ใช้สำหรับตกแต่งผนัง เป็นชิ้นแก้วแบบหนา รูปทรงสี่เหลี่ยมใส โปร่งแสง ให้แสงสว่างจากภายนอกทะลุผ่านเข้ามาในบ้านได้ และนำมาผสมผสานกับผนังบ้านได้อย่างลงตัวหรือใช้เป็นผนังกั้นห้องน้ำโซนเปียกและโซนแห้งก็สะดวก สวยงาม มีให้เลือกทั้งแบบใส และแบบสี
   
   • แบบโปร่งแสง แสงผ่านเข้าได้ ช่วยประหยัดค่าไฟ
   • มีความหนา รองรับแรงอัดได้มากกว่าอิฐมอญ
   • ทนความร้อน และลดเสียงรบกวนเข้าบ้าน
   • มีสีสันและลวดลายให้เลือกหลายแบบ
   • ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่ากระเบื้องทั่วไป

ปูกระเบื้องง่ายๆ เพียง 7 ขั้นตอน สำหรับมือใหม่

• ขั้นตอนที่ 1 - เตรียมพื้นผิวให้เรียบร้อย ทำความสะอาดเศษวัสดุ สิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกให้หมด และตรวจสอบพื้นผิวให้เรียบเสมอกัน โดยไม่ให้มีหลุมหรือมีจุดนูนต่าง ๆ
• ขั้นตอนที่ 2 - ถ้าสำหรับมือใหม่ในการปู ควรลองวางกระเบื้องให้เต็มพื้นที่ เพื่อกะแนวในการวางก่อน
• ขั้นตอนที่ 3 - เตรียมปูนกาวสำเร็จรูปสำหรับปูกระเบื้อง โดยผสมน้ำตามส่วนผสมที่ระบุไว้ตามคู่มือการใช้งาน แต่ละแบรนด์ที่คุณเลือกใช้ จากนั้นก็คนให้เข้ากัน สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
• ขั้นตอนที่ 4 - นำปูนกาวที่ผสมแล้วบางส่วนเทลงพื้น จากนั้นใช้เกรียงหวีปาดกาวให้เป็นทางยาวประมาณ 1-2 ตร.ม. ถ้าหากกระเบื้องแผ่นใหญ่ให้นำปูนปาดและเกลี่ยบริเวณหลังกระเบื้องให้ทั่ว เพื่อให้มั่นใจว่าปูนจะติดทั่วแผ่น โดยไม่ให้มีช่องว่างอากาศหลังปูกระเบื้องเสร็จ
• ขั้นตอนที่ 5 - นำกระเบื้องวางลงบนปูนกาวแล้วใช้ค้อนยางทุบเบา ๆ เพื่อได้ระดับที่ต้องการ ก่อนปูแผ่นต่อไปต้องเว้นระยะสำหรับ กาวยาแนว 2-3 มิลลิเมตร ทำไปทีละแผ่นจนเต็มพื้นที่ที่ต้องการปู หรืออาจจะใช้อุปกรณ์ช่วยปรับระดับกระเบื้องร่วมด้วย เป็นตัวช่วยเช็กให้กระเบื้องทุกแผ่นเสมอเท่ากัน สามารถเพิ่มลูกเล่นให้ขอบกระเบื้องเพียงติด คิ้วเข้ามุมกระเบื้อง ช่วยถนอมอายุการใช้งานกระเบื้องให้ยาวนานได้อีกด้วย
• ขั้นตอนที่ 6 - เมื่อปูกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนแห้งสนิท จากนั้นลงยาแนวกระเบื้องตามร่องที่เว้นระยะไว้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
• ขั้นตอนที่ 7 - ทำความสะอาดพื้นกระเบื้องหลังจากยาแนวแห้งสนิท ด้วย น้ำยาทำความสะอาดกระเบื้อง ช่วยขจัดคราบปูนซีเมนต์ หรือฝุ่นผงจากการก่อสร้างที่สะสมบนพื้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาดพื้นหลังการติดตั้งกระเบื้อง โดยไม่ทำลายผิวหน้าของกระเบื้อง