ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี
logo_mobile
search
เลือกสาขา
หน้าแรก
บทความ
จำนวนฟัน TPI บนใบเลื่อยสำคัญอย่างไร?

จำนวนฟัน TPI บนใบเลื่อยสำคัญอย่างไร?


คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมใบเลื่อยแต่ละใบถึงมีจำนวนฟันไม่เท่ากัน? หรือทำไมการเลือกใบเลื่อยที่เหมาะสมกับงานจึงสำคัญมาก? คำตอบอยู่ที่ตัวเลขตัวหนึ่งที่เรียกว่า "TPI" หรือ "Teeth Per Inch" ซึ่งหมายถึงจำนวนฟันของใบเลื่อยต่อความยาว 1 นิ้ว ตัวเลขตัวเล็ก ๆ นี้มีผลต่อประสิทธิภาพการตัดของคุณอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความเรียบเนียนของรอยตัด ความเร็วในการตัด หรือแม้แต่การใช้งานที่เหมาะสมกับวัสดุชนิดต่าง ๆ ในบทความนี้ เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ TPI และอธิบายว่าทำไมค่านี้จึงสำคัญต่อการเลือกใช้ใบเลื่อย

TPI คืออะไร?

TPI ย่อมาจาก Teeth Per Inch ซึ่งหมายถึงจำนวนฟันของใบเลื่อยต่อความยาว 1 นิ้ว ยิ่งค่า TPI สูง แสดงว่าใบเลื่อยมีฟันละเอียดและจำนวนมากขึ้น ในขณะที่ค่า TPI ต่ำ แสดงว่าใบเลื่อยมีฟันหยาบและจำนวนน้อยลง ขนาดของฟันเลื่อยแต่ละซี่จะมีความสัมพันธ์ผกผันกับค่า TPI นั่นคือ ยิ่ง TPI สูง ฟันเลื่อยก็จะยิ่งเล็ก และในทางกลับกัน ยิ่ง TPI ต่ำ ฟันเลื่อยก็จะยิ่งใหญ่

TPI มีผลต่อการตัดอย่างไร?

   • ความเรียบเนียนของรอยตัด : ใบเลื่อยที่มีค่า TPI สูง จะให้รอยตัดที่เรียบเนียนและละเอียดกว่า เนื่องจากฟันเลื่อยที่เล็กจะกัดกินวัสดุทีละน้อย ทำให้ได้ผิวหน้าที่เรียบสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การตัดไม้เนื้อแข็ง หรือการตัดวัสดุบาง ๆ
   • ความเร็วในการตัด : ใบเลื่อยที่มีค่า TPI ต่ำ จะตัดได้เร็วกว่า เนื่องจากฟันเลื่อยที่ใหญ่จะกัดกินวัสดุได้ปริมาณมากขึ้นในแต่ละครั้ง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเร็วในการตัด เช่น การตัดไม้ซุง หรือการตัดโลหะหนา
   • ประเภทของวัสดุ : การเลือกค่า TPI ยังขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุที่ต้องการตัดด้วย วัสดุที่แข็งและหนาแน่น เช่น โลหะ อาจต้องการใบเลื่อยที่มีค่า TPI ต่ำ เพื่อให้ฟันเลื่อยมีความแข็งแรงพอที่จะกัดกินวัสดุได้ ในขณะที่วัสดุที่อ่อนนุ่ม เช่น ไม้ หรือพลาสติก อาจใช้ใบเลื่อยที่มีค่า TPI สูง เพื่อให้ได้รอยตัดที่เรียบเนียน

หมายเหตุ : ตารางเปรียบเทียบค่า TPI และการใช้งานข้างต้นเป็นเพียงแนวทางทั่วไป ค่า TPI ที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของสินค้า

วิธีเลือกค่า TPI ที่เหมาะสม

การเลือกค่า TPI ที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
   • ประเภทของวัสดุ : วัสดุที่แข็งและหนาแน่นต้องการ TPI ต่ำ วัสดุที่อ่อนนุ่มต้องการ TPI สูง
   • ความหนาของวัสดุ : วัสดุที่หนาต้องการ TPI ต่ำ วัสดุที่บางต้องการ TPI สูง
   • ความเรียบเนียนของรอยตัด : หากต้องการรอยตัดที่เรียบเนียน ให้เลือก TPI สูง
   • ความเร็วในการตัด : หากต้องการตัดเร็ว ให้เลือก TPI ต่ำ

สรุป

ค่า TPI เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการตัดของใบเลื่อย การเลือกค่า TPI ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้งานตัดที่ตรงตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความเรียบเนียน หรือการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ TPI จะช่วยให้คุณเลือกซื้อใบเลื่อยได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ช้อปปิ้งสินค้า แผ่นตัด ใบเลื่อย ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับไทวัสดุ

สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้าเพื่อบ้านบนโลกออนไลน์ได้แล้ววันนี้กับ ไทวัสดุ ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย จำหน่ายแผ่นตัด ใบเลื่อย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สั่งง่าย สะดวกรวดเร็ว เลือกรับสินค้าที่สาขาด้วยตนเอง หรือเลือกรับสินค้าที่บ้าน บริการจัดส่งทั่วประเทศ สั่งผ่านออนไลน์ได้ที่ thaiwatsadu.com หรือติดต่อผ่านช่องทาง Chat & Shop LINE @thaiwatsadu โทร. 1308