ฟิล์มกรองแสง ติดบ้านและอาคาร มีกี่ประเภท แบบไหนตอบโจทย์ที่สุด
ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดแทบทุกช่วงเวลาและทุกฤดูกาล ซึ่งแสงแดดที่ว่านี้เมื่อส่องกระทบกับบ้านตามห้องต่าง ๆ รวมถึงอาคาร สำนักงาน โดยเฉพาะอาคารที่เป็นกระจก ก็จะเพิ่มอุณหภูมิความร้อน ทำให้บ้านมีความร้อนสะสม หรืออาจทำให้เราต้องเร่งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้เปลืองพลังงานและค่าใช้จ่ายยิ่งขึ้น
หากจะให้แนะนำนอกจากการติดฉนวนบนหลังคาและผนังเพื่อช่วยลดความร้อนแล้ว การติดฟิล์มกรองแสงก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่ดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันรังสียูวีที่มาพร้อมกับแสงแดด ชะลอการเสื่อมสภาพของกระจก และพรางสายตาจากบุคคลข้างนอก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฟิล์มกรองแสงมีหลายรูปแบบด้วยกัน เรามาทำความรู้จักกับฟิล์มกรองแสงแต่ละประเภทดีกว่าว่าแบบไหนจะตอบโจทย์กับความต้องการของคุณมากที่สุด
ทำความรู้จักกับโครงสร้างของฟิล์มกรองแสง
เมื่อมองเผิน ๆ คุณคจะคิดว่าฟิล์มกรองแสงเป็นแค่เพียงฟิล์มใสหรือขุ่นติดกระจกเท่านั้น แต่รู้หรือไม่โครงสร้างของฟิล์มซ่อนเทคโนโลยีไว้แต่ละชั้นต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการลดความร้อน ผ้องกันรังสียูวี และกรองแสงจ้า โดยโครงสร้างทั่วไปของฟิล์มกรองแสงประกอบไปด้วย
- ชั้นไลน์เนอร์ (Release liner) : คือ ชั้นรองที่เคลือบบนผิวชั้นกาวของฟิล์มกรองแสง เพื่อป้องกันไม่ให้กาวติดกันเองระหว่างการผลิต การขนส่ง และการจัดเก็บ โดยชั้นนี้จะถูกดึงออกก่อนนำฟิล์มไปติดตั้งบนกระจก
- ชั้นกาวติดกระจก (Mounting adhesive) : เป็นชั้นที่สำคัญที่สุดของฟิล์มกรองแสงเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นส่วนที่ทำให้ฟิล์มยึดติดกับกระจกได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง กาวชนิดนี้ถูกออกแบบมาให้มีความเหนียวและยืดหยุ่น เพื่อให้ฟิล์มสามารถติดกับพื้นผิวที่เรียบและไม่เรียบได้อย่างดี
- ชั้นป้องกันรังสียูวี (UV inhibitor) : ชั้นป้องกันรังสี UV เปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่ซ่อนอยู่ในฟิล์มกรองแสง ทำหน้าที่หลักในการดูดซับและสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งเป็นรังสีที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน และยังช่วยลดความร้อนในบ้านและป้องกันการเสื่อมสภาพของสีผนัง วอลล์เปเปอร์ไม่ให้ซีดไวอีกด้วย
- ชั้นกาวเชื่อมชั้น (Laminating adhesive) : คือ กาวเชื่อมชั้น เป็นกาวชนิดพิเศษที่ใช้ยึดชั้นต่าง ๆ ของฟิล์มกรองแสงเข้าด้วยกัน ทำให้ฟิล์มมีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
- ชั้นฐานฟิล์ม (Substrate) : เป็นชั้นที่เปรียบเสมือนโครงสร้างหลักของฟิล์มกรองแสง ทำหน้าที่รองรับชั้นต่าง ๆ ที่อยู่ด้านบน มีความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความทนทาน โดยส่วนใหญ่ทำจาก โพลีเอสเตอร์ โพลิไวนิลคลอไรด์ โพลีเอทิลีน
- ชั้นกันรอยขีดข่วน (Hard coating) : หรือ เป็นชั้นนอกสุดของฟิล์มที่มีผิวหน้าแข็งป้องกันการขีดข่วนซึ่งจะเคลือบด้วยอะคริลิกแข็ง ช่วยปกป้องให้ฟิล์มดูใสและสวยงามอยู่เสมอ
ปัจจุบันผู้ผลิตในแต่ละแบรนด์มีการเพิ่มวัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ แทรกเข้าไปตามชั้นต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติของฟิล์มกรองแสงให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ใช้งานได้ยาวนาน เสื่อสภาพช้าลง เรามาดูกันดีกว่าว่าประเภทของฟิล์มมีแบบไหนบ้าง พร้อมตารางเปรียบเทียบให้คุณได้พิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ
เปรียบเทียบฟิล์มกรองแสงแต่ละประเภท
- ฟิล์มกรองแสงแบบ PET : ย่อมาจาก Polyethylene Terephthalate เป็นฟิล์มชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในเรื่องความบางเบา เหนียว และยืดหยุ่นได้ดี นิยมนำมาใช้เป็นฟิล์มกรองแสงสำหรับติดกระจกบ้าน เพราะติดตั้งง่าย ป้องกันรังสี UV บางแบรนด์มีการเพิ่มระดับความเข้มของเนื้อฟิล์มเพื่อบดบังสายตาจากผู้คนภายนอก แต่ขณะเดียวกันอาจมีอายุงานสั้น และเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายเพราะมีความทนทานประทาณระดับปานกลาง
- ฟิล์มกรองแสงแบบ PVC : ย่อมาจาก Polyvinyl Chloride มีคุณสมบัติความทนทานปานกลาง ลดความร้อนและแสงจ้าได้ในระดับหนึ่ง มีให้เลือกทั้งแบบใสและแบบทึบ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวบดบังสายตาจากบุคคลภายนอกได้ดีเช่นกัน แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะอาจมีอายุการใช้งานสั้น ลดความร้อนได้น้อยกว่าฟิล์เมทัลไลซ์ เซรามิก
- ฟิล์มกรองแสงแบบเมทัลไลซ์ : หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ฟิล์มกระจกปรอท เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีชั้นเคลือบโลหะบาง ๆ ทำให้มีลักษณะมันวาวคล้ายกระจก นอกจากนี้เมื่อแสงแดดตกกระทบจะสะท้อนกลับไป ทำให้ภายในอาคารเย็นสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นฟิล์มที่ป้องกันความร้อนได้ดีเยี่ยม ลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศช่วยให้คุณประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น และถึงแม้เนื้อฟิล์มจะมีความมันวาวแต่ก็ยังบดบังสายตาจากผู้คนภายนอกได้ดี แต่ก็อาจทำให้เห็นบุคคลเล็กน้อยเมื่อเปิดแสงไฟในบ้านยามเวลากลางคืน ฟิล์มกรองแสงประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้กับบ้านเรือน อาคารสำนักงาน หรือห้องกระจกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
- ฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก : เป็นฟิล์มที่มีส่วนผสมของเซรามิก ทำให้มีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนและรังสียูวีได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความร้อนภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ส่วนใหญ่มักเป็นฟิล์มใสไม่บัดบังทัศนียภาพ แต่ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเพิ่มความทึบเข้ามาเหมือนกับฟิล์มอื่น ๆ ทำให้คุณมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าชอบรูปแบบใด อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานนาน ทนต่อสภาพอากาศ เหมาะสำหรับติดตั้งกระจกบ้านและอาคาร แต่อาจมีข้อเสียในเรื่องของงบประมาณที่ค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูงและจำเป็นต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาติดตั้ง
- ฟิล์มนิรภัย : คือ ฟิล์มชนิดพิเศษที่ส่วนใหญ่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์ (Polyester) ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีความแข็งแรงทนทาน มีการเคลือบสารพิเศษที่ช่วยให้ฟิล์มยึดเกาะกับกระจกได้ดี ช่วยในการกรองแสงและความร้อน นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสมดั่งชื่อเพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กระจกแตก ตัวฟิล์มจะช่วยยึดเกาะเศษกระจกไว้ ทำให้ไม่กระจายตัวหรือกระจายตัวได้น้อย ป้องกันคุณจากเศษกระจก ช่วยบดบังสายตาผู้คนภายนอกเพิ่มความส่วนตัว แต่ถึงแม้ว่าจะมีความทนทานก็สามารถมีโอกาสก่อให้เกิดรอยขีดข่วนได้เช่นกัน และมีราคาสูงกว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไป พร้อมต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง
เคล็ดลับการดูแลหลังติดฟิล์ม
1. ในช่วง 7 วันแรก เป็นช่วงที่กาวของฟิล์มกำลังยึดติดกับกระจก ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเช็ดถูฟิล์มโดยตรง และในช่วง 2-3 สัปดาห์ จนถึงเป็นช่วงที่ฟิล์มกำลังเข้าที่และแห้งสนิท ควรระวังในการทำความสะอาด
2. ห้ามใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ ผ้าหยาบ แปรง และสก๊อตช์-ไบรต์ หรือวัสดุอื่นๆ ค่อนข้างมีเนื้อแข็ง มีคม เช็ดลงบนเนื้อฟิล์มกรองแสง เพราะเดิมทีเนื้อฟิล์มจะถูกเคลือบด้วยสารกันรอยขีดข่วนอยู่แล้ว เมื่อถูกวัตถุที่มีผิวหยาบอาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ฟิล์มกรองแสงได้ ควรใช้เป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ ฟองน้ำในการเช็กทำความสะอาดแทน
3. ห้ามทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างกระจกที่มีส่วนผสมของสารแอมโมเนีย หรือสารกัดกร่อน สารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง เพราะจะทำให้ฟิล์มแข็งกระด้าง และลดอายุการใช้งาน ควรใช้เป็นน้ำเปล่าผสมน้ำยาทำความสะอาดฟิล์มกรองแสงโดยเฉพาะ หรือผสมกับสบู่สูตรอ่อนโยน
ช้อปปิ้งสินค้า ฟิล์มกรองแสง ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับไทวัสดุ
สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้าเพื่อบ้านบนโลกออนไลน์ได้แล้ววันนี้กับ ไทวัสดุ ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย จำหน่าย ฟิล์มกรองแสง หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สั่งง่าย สะดวกรวดเร็ว และสามารถเลือกรับสินค้าที่สาขาด้วยตนเอง หรือเลือกรับสินค้าที่บ้าน บริการจัดส่งทั่วประเทศ สั่งผ่านออนไลน์ได้ที่ thaiwatsadu.com หรือติดต่อผ่านช่องทาง Chat & Shop LINE @thaiwatsadu โทร. 1308