“จำนวนเส้นในเครื่องวัดเลเซอร์” บอกอะไรเราบ้าง?
เครื่องมือวัดด้วยเลเซอร์เป็นเครื่องมือที่ช่างก่อสร้าง วิศวกร สถาปนิก ช่างฝีมือ ช่างเทคนิค ฯลฯ ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเลเซอร์วัดระยะจะใช้วัดระยะทางเป็นหลัก ส่วนเลเซอร์วัดระดับจะใช้ตรวจสอบระดับ ซึ่งเวลาคุณซื้อเจ้าเครื่องมือเหล่านี้มาใช้งาน ก็จะเห็นว่าในคุณสมบัติจะมีบอกอยู่ว่าเครื่องวัดด้วยเลเซอร์นี้มีจำนวนกี่เส้น “จำนวนเส้นของเลเซอร์” มีความสำคัญอย่างไร และส่งผลต่อการใช้งานอย่างไรบ้าง? ไทวัสดุขอพาคุณไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับจำนวนเส้นของเลเซอร์ในเครื่องมือทั้งสองชนิด เพื่อให้คุณเลือกซื้อและใช้งานได้อย่างเหมาะสม
"เลเซอร์วัดระยะ" เส้นเดียวที่ทรงพลัง
เลเซอร์วัดระยะโดยทั่วไปจะมีเพียงเส้นเลเซอร์เดียวที่ยิงออกมาจากตัวเครื่อง เมื่อกดปุ่มวัด ระบบจะส่งสัญญาณเลเซอร์ไปยังวัตถุเป้าหมาย และคำนวณระยะทางจากเวลาที่สัญญาณเลเซอร์สะท้อนกลับมาถึงตัวเครื่อง ซึ่งเป็นหลักการทำงานที่เรียบง่ายแต่แม่นยำสูง
ข้อดีของเลเซอร์วัดระยะเส้นเดียว
• ใช้งานง่าย : เหมาะสำหรับการวัดระยะทางตรง ๆ ไม่ซับซ้อน มีปุ่มควบคุมเพียงไม่กี่ปุ่ม เวลาใช้งานก็เพียงแค่เล็งและกดปุ่ม ก็สามารถอ่านค่าระยะทางได้ทันที
• พกพาสะดวก : มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้
• มีความแม่นยำ : ให้ค่าระยะทางที่แม่นยำในระยะที่กำหนดกว่าเทปวัดทั่วไป เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียด เช่น วัดขนาดห้อง วัดขนาดเฟอร์นิเจอร์ วัดระยะห่างของวัตถุ เป็นต้น
ข้อจำกัด
• ไม่เหมาะกับงานแอดวานซ์ : ไม่สามารถวัดระดับหรือสร้างเส้นในแนวตั้งได้ จึงไม่ตอบโจทย์งานที่แอดวานซ์ เช่น การวัดระดับเพดานหรือผนัง
• ต้องเช็กสภาพแวดล้อม : เวลาใช้งานอาจได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อม เช่น แสงแดดจ้า ฝุ่นละออง หรือพื้นผิวที่สะท้อนแสง อาจทำให้ค่าที่ได้ไม่แม่นยำ
• แบตเตอรี่ : หากแบตเตอรี่ใกล้หมด อาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องมือ
“เลเซอร์วัดระดับ” หลายเส้นเพื่อความหลากหลาย
เลเซอร์วัดระดับมีความแตกต่างจากเลเซอร์วัดระยะตรงที่มีจำนวนเส้นของเลเซอร์มากกว่า โดยจำนวนเส้นเลเซอร์อาจมีตั้งแต่ 2 เส้น, 3 เส้น, 5 เส้น, 8 เส้น ไปจนถึง 16 เส้น ยิ่งจำนวนเส้นมากขึ้นก็จะใช้งานได้หลากหลายและตอบโจทย์งานที่ละเอียดมากขึ้น
จำนวนเส้นเลเซอร์ส่งผลต่อการใช้งานอย่างไร?
• 1 เส้น: มักเป็นเส้นเลเซอร์แนวนอนเส้นเดียว เหมาะสำหรับงานพื้นฐาน เช่น การตรวจสอบระดับแนวนอน ราคาประหยัด ใช้งานง่าย
• 2 เส้น : มีทั้งเส้นแนวนอนและแนวตั้ง เหมาะสำหรับงานติดตั้ง เช่น การติดตั้งวอลล์เปเปอร์ การติดตั้งตู้ ข้อดีคือสามารถตรวจสอบความตรงทั้งแนวตั้งและแนวนอนได้ แต่ข้อจำกัดคือยังไม่สามารถสร้างระนาบได้
• 3 เส้น : มีเส้นแนวนอน 2 เส้น และเส้นแนวตั้ง 1 เส้น เอาไปใช้กับงานก่อสร้างที่ต้องการความแม่นยำสูงได้ เช่น การก่อผนัง การเทพื้น ข้อดีคือสามารถสร้างมุมฉากได้ แต่ข้อจำกัดคือยังไม่สามารถสร้างระนาบได้หลากหลาย
• 4 เส้นขึ้นไป : มีทั้งเส้นแนวนอนและแนวตั้งหลายเส้น สามารถสร้างระนาบได้หลากหลาย เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูงขึ้น อย่างก่อสร้างขนาดใหญ่ งานตกแต่งภายในที่ซับซ้อน เช่น การติดตั้งฝ้าเพดาน การก่อสร้างผนัง งานอุตสาหกรรม แต่ราคาก็จะแพงขึ้นและมีความซับซ้อนในการใช้งานมากขึ้นนั่นเอง
ประเภทของเส้นเลเซอร์วัดระดับ
• เส้นแนวนอน : ใช้สำหรับการตรวจสอบระดับความสูงของพื้นผิวเป็นหลัก
• เส้นแนวตั้ง : ใช้สำหรับการสร้างเส้นแนวตั้งเพื่องานติดตั้งต่าง ๆ เช่น ติดตั้งวอลล์เปเปอร์ ติดตั้งตู้ ติดตั้งประตูหน้าต่าง การติดตั้งกระเบื้อง การติดตั้งภาพ ฯลฯ
• เส้นฉาก : ใช้สำหรับการสร้างมุมฉาก เพื่อใช้ในการก่อสร้างหรือตกแต่ง เป็นการรวมกันของเส้นเลเซอร์แนวนอนและแนวตั้ง ทำให้ได้เส้นเลเซอร์เป็นรูปตัว X
สรุป
จำนวนเส้นของเลเซอร์ในเครื่องมือวัดระยะและวัดระดับมีความสำคัญต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ ทั้งนี้ในเลเซอร์วัดระยะ 1 เส้น และ เลเซอร์วัดระดับ 1 เส้น ถึงแม้จะมีรุ่นที่จำนวนเส้นเลเซอร์เท่ากัน แต่ก็มีหน้าที่และการใช้งานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะถ้าจะสรุปง่าย ๆ ก็คือเลเซอร์วัดระยะนั้นใช้บอกระยะทาง ส่วนเลเซอร์วัดระดับจะบอกระดับความสูง ดังนั้นเราจำเป็นต้องเลือกเครื่องมือให้เหมาะกับกับการใช้งานนั่นเอง
ช้อปปิ้งสินค้า เลเซอร์วัดระยะ เลเซอร์วัดระดับ ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง กับไทวัสดุ